*รอบโลก:ซาอุฯสอบเหตุเหยียบกันตาย/ปูติน พบ โอบามา ช่วงประชุมยูเอ็น/เกาหลีเหนือ โจมตีสหรัฐฯต้นเหตุปัญหาผู้อพยพ*

25 กันยายน 2558, 05:39น.


+++สำนักงานฮัจญ์แห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์เหตุผู้แสวงบุญเสียชีวิต เนื่องจากความแออัดและเหยียบกันเสียชีวิตที่ ตำบลมีนา เมืองเมกกะ ของซาอุดิอาระเบียว่าเหตุเกิดบริเวณถนนสาย 204 ซึ่งเป็นเส้นทางของผู้แสวงบุญจากกลุ่มประเทศอื่นใช้ในการเดินทางไปขว้างเสาหิน ในชั้นที่ 1 ของ อาคารขว้างเสาหิน  สำหรับผู้แสวงบุญชาวไทยและผู้แสวงบุญในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะพำนักอยู่ด้านข้างของตำบลมีนา ในบริเวณที่เรียกว่ามุอัยชิม และต้องเดินทางลอดอุโมงค์เพื่อไปสู่การขว้างเสาหินในชั้นที่ 3 ของอาคารขว้างเสาหิน ซึ่งมีทั้งหมด 4 ชั้น    ทั้งนี้ เหตุที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดในพื้นที่และเส้นทางเดินไปขว้างเสาหินของผู้แสวงบุญชาวไทย และไม่ปรากฏว่ามีผู้แสวงบุญชาวไทยเสียชีวิตหรือบาดเจ็บ เช่นเดียวกับกรมการศาสนาของไทยที่ยืนยันในกรณีดังกล่าว



+++ ขณะที่ กระทรวงการต่างประเทศ รายงานผ่านทวิตเตอร์ @MFAThai ระบุว่า ตามที่เกิดเหตุผู้แสวงบุญฮัจญ์เหยียบกันเพราะความแออัด ที่เมืองเมกกะ สถานกงสุลใหญ่ไทย ณ เมืองเจดดาห์ แจ้งว่า ยังไม่มีรายงานคนไทยได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ สถานที่เกิดเหตุไม่ใช่พื้นที่ที่เตรียมไว้สำหรับผู้แสวงบุญจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยสถานกงสุลใหญ่ไทย จะติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดต่อไป



+++เจ้าหน้าที่ทางการซาอุดิอาระเบีย รายงานว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงสายเมื่อวานนี้ ตามเวลาท้องถิ่น บริเวณที่สี่แยกซึ่งเป็นจุดตัดระหว่างถนนสายย่อยสองสาย คือสาย 204 กับสาย 223 ในเมืองกระโจม ซึ่งเป็นเส้นทางมุ่งหน้าไปยังเมืองจามารัต สถานที่ประกอบพิธีขว้างหินใส่เสาสามต้นที่เป็นตัวแทนของความชั่วร้าย โดยในชั่วขณะหนึ่งได้เกิดจำนวนผู้คนทะลักเข้ามาในจุดดังกล่าวมากผิดปกติ จนเกิดการเบียดเสียดและเหยียบกันขึ้น



+++ทั้งนี้ มีรายงานว่า ทางการซาอุดิอาระเบีย รายงาน ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุด พุ่งเพิ่มขึ้น เป็น 717 ศพ บาดเจ็บอีกอย่างน้อย 863 คน ล่าสุด สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ใกล้จะถึง 900 คนแล้ว ประกอบด้วยคนหลายสัญชาติ อยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียด 



+++ทางการอิหร่าน เปิดเผยว่า มีพลเรือนของตัวเองเสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ 43 ศพ ซาอุดิอาระเบีย เสียชีวิต 15 ศพ อียิปต์ 13 ศพ  ส่วนทางการอินโดนีเซีย ยืนยัน ว่ามีชาวอินโดนีเซียเสียชีวิต 2 ศพ เป็นต้น 



+++ ส่วน นายคาลิด อัล-ฟาลีห์ รมว.สาธารณสุขซาอุดิอาระเบีย ระบุเหตุเหยียบกันตาย อาจเกิดจากการที่ผู้แสวงบุญจำนวนมาก ไม่เดินตามทิศทางที่ถูกกำหนดตามช่วงเวลา ทำให้เกิดการเบียดเสียด และล้มลงของคนหมู่มาก ซึ่งถือว่าเป็นโศกนาฏกรรม ครั้งที่รุนแรงที่สุดในรอบ 25 ปี



+++สำนักข่าวซาอุดีเพรส รายงานว่า มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟ แห่งราชวงศ์ซาอุดิอาระเบีย ในฐานะองค์ประธานคณะกรรมาธิการจัดพิธีฮัจญ์ ทรงรับสั่งให้สืบสวนเหตุการณ์ทีเกิดขึ้น ระหว่างประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่มีหน้าที่รับผิดชอบพิธีจาริกแสวงบุญในเมืองมีนา 



+++อิหร่าน ตั้งข้อสังเกตว่า ทางเดินสองเส้นที่จะเดินไปยังจุดที่ขว้างหิน ถูกปิด ทำให้เกิดการสะสมของคนจำนวนมากที่เดินไปยังจุดเดียวกัน มากเกินที่จะรับได้



+++ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า เมื่อวานนี้เป็นพิธีสำคัญ มีคนจำนวนมากเดินทางไปร่วมพิธี อากาศร้อน 40 องศา ทำให้หลายคนขาดอากาศหายใจ ล้มลง คนที่เดินต่อกันมาเบียดทับ ล้มลง ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือกันได้



+++สาเหตุที่แท้จริงทางการซาอุฯ กำลังตรวจสอบ และสั่งเพิ่มมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยมากขึ้น



+++ นอกจากนี้นาย บัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติและ ทำเนียบขาว ได้กล่าวแสดงความเสียใจ ไปยังครอบครัวของผู้แสวงบุญที่ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต



+++สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ รายงานว่า แผ่นดินไหวขนาดรุนแรง 6.6 ในทะเลนอกชายฝั่งจังหวัดปาปัว ทางภาคตะวันออกของอินโดนีเซีย เมื่อเวลา 01.00 น. เช้าตรู่วันศุกร์ ตามเวลาท้องถิ่น หรือประมาณ 22.53 น. คืนวันพฤหัสบดี ตามเวลาในประเทศไทย จุดศูนย์กลางอยู่ลึกใต้ทะเล 24 กิโลเมตร ห่างจากชายฝั่งเมืองโซรอง จังหวัดปาปัว บนเกาะปาปัวตะวันตก ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ 64 กิโลเมตร รายงานระบุว่า ประชาชนในเมืองโซรองซึ่งอยู่ริมฝั่งทะเล และอีกหลายเมืองที่อยู่ใกล้เคียง รับรู้แรงไหวสะเทือนรุนแรงได้อย่างชัดเจนประมาณ 2 นาที ประชาชนจำนวนมากตื่นจากหลับไหล และรีบหนีออกจากอาคารบ้านเรือน ออกมาอยู่ตามท้องถนนหรือที่โล่ง



+++นายโมฮัมหมัด ไรยาดี เจ้าหน้าที่อาวุโสของสำนักงานอุตุนิยมวิทยา ภูมิอากาศวิทยาและธรณีฟิสิกส์ ของอินโดนีเซีย กล่าวว่า ยังไม่มีรายงานความเสียหาย หรือมีผู้บาดเจ็บเสียชีวิต แม้แผ่นดินไหวครั้งนี้จะรุนแรง แต่คาดว่าไม่น่าจะสร้างความเสียหายมากนัก เนื่องจากเมืองโซรองมีประชาชนอยู่อาศัยน้อย และกระจัดกระจาย ขณะที่ศูนย์เตือนภัยสึนามิแปซิฟิก แจ้งว่า จากการประเมินสถานการณ์เชื่อว่า ไม่น่าจะทำให้เกิดคลื่นอันตราย จึงไม่ออกประกาศเตือนภัยสึนามิ

+++ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เดินทางเยือนสหรัฐฯ กล่าวสุนทรพจน์ครั้งสำคัญต่อสภาคองเกรสสหรัฐฯ เรียกร้องให้สหรัฐฯอย่าปฏิเสธผู้อพยพที่ลักลอบเข้าเมืองที่ไม่ได้ลงทะเบียนให้ถูกต้อง อย่าทำให้ชนกลุ่มน้อยทางศาสนาและทางชาติพันธุ์ตกเป็นเหยื่อของการใช้ความรุนแรงและให้ช่วยกันรักษาโลกให้พ้นจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ การกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมร่วมของสภาคองเกรสสหรัฐฯ เป็นที่จับตาดูไม่เฉพาะแต่บรรดาสมาชิกนิติบัญญัติในสภา แต่มีประชาชนอีกหลายพันคนชุมนุมอยู่นอกอาคารรัฐสภา ติดตามสุนทรพจน์ครั้งนี้ผ่านทีวีจอยักษ์ที่ลานเนชั่นแนลมอลล์ กลางกรุงวอชิงตัน



+++ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซียจะพบปะกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ ระหว่างเดินทางมาร่วมประชุมสหประชาชาติที่นครนิวยอร์กวันจันทร์ที่จะถึงนี้ มีรายงานว่า หัวข้อหลักจะเป็นประเด็นซีเรีย  พร้อมระบุว่าการพูดคุยน่าจะใช้เวลาราวๆ 1 ชั่วโมง  โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียเปิดเผยว่า ผู้นำทั้ง 2 อาจจะหารือประเด็นความขัดแย้งในยูเครนหากว่ายังมีเวลาเหลือพอ



+++นายปูติน ยังมีช่วงเวลาพบปะกับนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นด้วย จากนั้นจะหารือกับเลขาธิการสหประชาชาติ ด้วย



+++จีน จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมจีนกับสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ในเดือนหน้าขณะที่จีนและอาเซียนบางประเทศมีข้อพิพาทกันเรื่องการอ้างสิทธิทับซ้อนในทะเลจีนใต้ โฆษกกระทรวงกลาโหมจีน เปิดเผยว่า นายฉาง ว่านฉวน รัฐมนตรีกลาโหมจีนจะเชิญรัฐมนตรีกลาโหม 10 ชาติอาเซียนมาร่วมประชุมอย่างไม่เป็นทางการที่กรุงปักกิ่งระหว่างวันที่ 15-16 ตุลาคม เพื่อหารือแลกเปลี่ยนทัศนะ จีนมีข้อพิพาทเรื่องการอ้างสิทธิทับซ้อนในทะเลจีนใต้กับเวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย บรูไน และไต้หวันซึ่งไม่ใช่สมาชิกอาเซียน



+++รัฐบาลเกาหลีเหนือ โจมตีสหรัฐฯว่า  เป็นต้นเหตุทำให้กลุ่มประเทศในยุโรป ต้องเผชิญกับวิกฤตผู้อพยพและผู้ลี้ภัยครั้งเลวร้ายสุด นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือ แถลงประณามรัฐบาลสหรัฐฯว่า สหรัฐกระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนทุกรูปแบบ เช่น ชะตากรรมของผู้ลี้ภัยหลายแสนคน ที่หนีออกจากพื้นที่สู้รบในซีเรียและอัฟกานิสถาน และแสวงหาที่พักพิงในประเทศต่างๆ ของยุโรป  สหรัฐทำให้เกิดวิกฤตผู้ลี้ภัยไปทั่วยุโรป เนื่องจาก สหรัฐเป็นผู้ริเริ่มทำสงครามในอัฟกานิสถาน อิรัก ลิเบีย ซีเรีย และส่วนอื่นๆ ของโลก และสนับสนุนสงครามกลางเมือง โดยใช้ข้ออ้าง สงครามต่อต้านการก่อการร้าย และ จัดตั้งประชาธิปไตย บังหน้า ทำให้จำนวนผู้ลี้ภัยพุ่งสูงขึ้น

+++กรณีอื้อฉาวเรื่องการทุจริตการทดสอบวัดระดับมลพิษของโฟล์กสวาเกน บริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 1 ของโลก ถือเป็นวิกฤติที่กำลังสั่นสะเทือนเศรษฐกิจของเยอรมนีอย่างหนัก เป็นหนึ่งในบริษัทเอกชนรายใหญ่ที่สุดของประเทศ มีพนักงานเฉพาะในเยอรมนีมากกว่า 2 แสน 70,000 คน ถือว่ามีส่วนสำคัญในการสร้างงานและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเยอรมนี ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป



+++รายงานของสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐ ( อีพีเอ ) เผยแพร่ว่า โฟล์กสวาเกน เจตนาทุจริตการทดสอบมาตรฐานการปล่อยไอเสียของรถยนต์ตั้งแต่ปี 2551 ด้วยการลักลอบติดตั้งซอฟท์แวร์พิเศษในรถยนต์โฟล์กสวาเก ส่งผลให้การตรวจวัดระดับมลพิษจากไอเสียที่ได้ต่ำกว่าความเป็นจริง ส่งผลให้นายมาร์ติน วินเทอร์คอร์น ลาออกจากตำแหน่งประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร ( ซีอีโอ ) เพื่อแสดงความรับผิดชอบ ล่าสุด มีรายงานว่า วันนี้ โฟล์คสวาเกน จะแต่งตั้งประธานปอร์เช่ ขึ้นเป็นซีอีโอคนใหม่ มีชื่อของนายแมตเธียส มุลเลอร์ อดีตหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ของบริษัท ซึ่งเพิ่งเข้าเป็นหนึ่งในบอร์ดบริหารเมื่อมีนาคม น่าจะได้รับการคัดเลือกขึ้นดำรงตำแหน่งนี้



+++กรณีอื้อฉาวของโฟล์กสวาเกนจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อไปยังอุตสาหกรรมแขนงอื่นของเยอรมนี และทำลายภาพลักษณ์ความเที่ยงตรง ความน่าเชื่อถือ และคุณภาพของสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้า เมด อิน เยอรมนี  สะท้อนว่าแม้จะสามารถเอาตัวรอดจากวิกฤติยูโรโซนและภาวะซบเซาของเศรษฐกิจจีน แต่ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของเยอรมนีกำลังสั่นคลอนด้วยปัญหาจากภายใน



CR:BBC,AP



 

ข่าวทั้งหมด

X