*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น. * ฃ
++++ความคืบหน้าคดีระเบิดแยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร หลังจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ส. และ พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รอง ผบช.น. เดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย เพราะได้รับข้อมูลว่าตำรวจสันติบาลของมาเลเซียควบคุมผู้ต้องสงสัยเป็นชายเสื้อเหลืองที่ก่อเหตุบริเวณแยกราชประสงค์ เบื้องต้นทราบว่าชายรายนี้คือ นายอาริ โซลัน อายุ 31 ปี โดยอ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุระเบิดนั้น ขณะที่ ตำรวจฝ่ายสืบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้นำข้อมูลที่สืบสวนทั้งหมดตั้งแต่วันเกิดเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ไปวิเคราะห์เกี่ยวกับผู้ต้องหาชายเสื้อเหลืองที่ถูกออกหมายจับตามภาพกล้องวงจรปิด โดยนำข้อมูลภาพกล้องวงจรปิด รวมถึงข้อมูลความเคลื่อนไหวของผู้ต้องหาตามหมายจับ คือนายอิซาน หรือนายอาบูดูซาตาร์ อบูดูเระห์มาน ที่หลบหนีออกจากไทยก่อนเกิดเหตุเพียง 1 วัน ซึ่งคาดว่าเป็นผู้บงการ และนายไมไรลี ยูซูฟู ที่ถูกจับกุมบริเวณชายแดน จ.สระแก้ว รวมถึงการซักถามและการให้ปากคำของนายยูซูฟูต่อพนักงานสอบสวน มาวิเคราะห์อย่างละเอียดอีกครั้ง
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมด ชุดสืบสวนสอบสวนมั่นใจว่า ในวันเกิดเหตุวันที่ 17 สิงหาคม นายอาเดม คาราดัก หรือบิลาเติร์ก มูฮัมหมัด ที่ถูกจับกุมพร้อมอุปกรณ์ประกอบระเบิดภายในพูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ ย่านหนองจอก น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดแยกราชประสงค์และท่าเรือสาทรมากกว่าที่ให้การไว้ในการซักถามในสำนวนสอบสวนก่อนหน้านี้
+++ การวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของผู้ต้องหาคือนายยูซูฟู นายอาเดม และผู้ต้องสงสัยชายเสื้อฟ้า ที่มีความเคลื่อนไหวหลายสถานที่ ซึ่งเป็นจุดสำคัญในการก่อเหตุ เช่น บริเวณสถานีรถไฟหัวลำโพง และบริเวณท่าเรือซอยเจริญนคร 61 รวมทั้งบริเวณท่าเรือสาทร บริเวณสวนลุมพินี และบริเวณแยกราชประสงค์ โดยหลังเกิดเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ทางผู้ต้องหาและผู้ต้องสงสัยมีความเคลื่อนไหวย่านมีนบุรี ตำรวจจึงขอสอบปากคำรวมถึงซักถามนายอาเดม เพิ่มเติมที่เรือนจำชั่วคราว มทบ.11
++++ขณะเดียวกันได้นำวิกผมและแว่นตากรอบดำไปให้นายอาเดมสวมใส่ด้วย ปรากฏว่าลักษณะมีส่วนคล้ายกับชายเสื้อเหลืองที่ก่อเหตุวางระเบิดที่แยกราชประสงค์มาก โดยส่วนสูงของนายอาเดมและชายเสื้อเหลืองที่ปรากฏในภาพถ่ายกล้องวงจรปิดก็ใกล้เคียงกันมาก นอกจากนี้ในกระบวนการซักถามและสอบปากคำนายอาเดม ทางชุดสืบสวนได้อธิบายถึงพยานหลักฐานและข้อมูลต่างๆ ที่ตำรวจมีอยู่ค่อนข้างเชื่อมโยงไปถึงนายอาเดมแบบมัดตัวได้ จนกระทั่งนายอาเดมรับสารภาพเบื้องต้นว่าเป็นผู้ก่อเหตุวางระเบิดราชประสงค์ และยอมรับว่าได้อำพรางใบหน้าจริง หลังลงมือก่อเหตุได้โดยสารรถจักรยานยนต์รับจ้างไปลงที่สวนลุมพินี แล้วเข้าไปในสวนลุมพินีถอดวิกผม แว่นตา และเสื้อเหลือง โดยเก็บไว้ในถุงพลาสติกสีขาว จากนั้นนำเสื้อสีเทาออกมาสวมใส่แทน ก่อนเดินทางกลับไปที่พักย่านหนองจอก
++++ หลังจากนายอาเดมรับสารภาพแล้ว ทางชุดสืบสวนได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยเฉพาะบริเวณสวนลุมพินี พบว่าหลังจากชายเสื้อเหลืองลงจากรถจักรยานยนต์รับจ้างปรากฏว่าภาพจากกล้องวงจรปิดบางจุดในละแวกดังกล่าวบันทึกภาพนายอาเดมเดินออกจากสวนลุมพินี โดยถือถุงพลาสติกสีขาว เมื่อขยายภาพดูก็เห็นเสื้อสีเหลืองบรรจุในถุงพลาสติกสีขาวที่ถืออยู่ด้วย
+++อีกจุดหนึ่งที่พบคือนายอาเดมมีแผลเป็นที่บริเวณแขนทั้งสองข้าง ซึ่งตรงกับชายเสื้อเหลืองที่ใส่ปลอกแขนปกปิดที่บริเวณแขนทั้งสองข้างด้วยตามที่ภาพวงจรปิดบันทึกไว้ได้ ส่วนการสอบปากคำระยะหลัง นายอาเดมใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร
++++เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม และเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสำนวน เพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับ นายยูซูฟู นายอิซาน นายอาเดมหรือนายบิลาเติร์ก และผู้เกี่ยวข้อง ในข้อกล่าวหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อนภายในสัปดาห์หน้า
+++ศาลจังหวัดมีนบุรีได้อนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาตามภาพจากกล้องวงจรปิดและภาพสเก็ตช์ เพิ่มเติมอีก 1 คน หมายจับเลขที่ 862/2558 เป็นชายไทยไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 30 ปี สูงประมาณ 171 เซนติเมตร ในข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดซึ่งนายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ โดยผู้ต้องหารายนี้จากการสืบสวนพบว่ามีความเชื่อมโยงเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องร่วมกันทำระเบิด ซึ่งบุคคลดังกล่าวสามารถพูดภาษาไทยได้ คาดว่าน่าจะเป็นคนไทย และอยู่ระหว่างสืบสวนว่าเป็นใคร ซึ่งหลักฐานที่ไปขอออกหมายจับได้จากพยานหลักฐานและพยานวัตถุ สำหรับการออกหมายจับจนถึงขณะนี้ รวมทั้งสิ้น 16 หมายจับ เป็นผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ 15 คน แบ่งเป็นท้องที่ สน.ลุมพินี ท้องที่ สน.หนองจอก จำนวน 8 หมายจับของศาลจังหวัดมีน ท้องที่ สน.มีนบุรี รวม 6 หมายจับ ส่วนความคืบหน้าสอบสวนกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เรียกรับผลประโยชน์ พล.ต.ต.ชวัลวิทย์ วีรเดชกำแพง รองจเรตำรวจ ในฐานะโฆษกจเรตำรวจ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 22 กันยายน ที่ผ่านมา ได้เรียกประชุมจเรตำรวจชุดปฏิบัติการทั้ง 10 ชุด ที่ประชุมจเรตำรวจเห็นว่าต้องใช้เวลา ซึ่งคาดว่าไม่ทันกำหนดวันที่ 23 กันยายนนี้ พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ หัวหน้าจเรตำรวจ จึงเตรียมเสนอต่อผบ.ตร. ขอขยายเวลาตรวจสอบไปอีก 7 วัน หรือภายในวันที่ 30 กันยายนนี้
+++สำนักงานศาลปกครอง ได้แจกเอกสารผลการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) เรื่อง รายงานผลการสอบข้อเท็จจริงกรณีการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจโดยที่ประชุมเสียงข้างมากเห็นพ้องด้วยกับความเห็นของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฝ่ายข้างมาก ให้นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุลพ้นจากตำแหน่ง ประธานศาลปกครองสูงสุด และให้ออกจากราชการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ก.ศป. แม้ไม่ปรากฏชัดว่านายหัสวุฒิมอบหมายให้นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง มีหนังสือสองฉบับแจ้งความประสงค์ของนายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ว่าจะสนับสนุนพ.ต.ท.ชูธเรศ ยิ่งยงดำรงกุล รอง ผกก.ป.สน.หัวหมาก ให้ได้รับแต่งตั้งเป็นผกก.ต่อรองผบ.ตร.และผบ.ตร. ตามลำดับ แต่พยานหลักฐานก็รับฟังได้ว่า นายหัสวุฒิ มีส่วนรู้เห็นเป็นใจและรับทราบในกรณีที่นายดิเรกฤทธิ์กระทำการดังกล่าว
++++วันนี้ น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร หรือ "ตั๊น" อดีตแนวร่วม กปปส. เปิดแถลงข่าว ณ ห้องไลบรารี่ ชั้น 1 โรงแรมดุสิตธานี ชี้แจงกรณีสมัครเข้าเป็นตำรวจในสังกัด บก.สปพ.191 หลังมีกระแสคัดค้านจากนายตำรวจ ก่อนหน้านี้ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ รองโฆษกดีเอสไอ ชี้แจงข่าว ดีเอสไอได้ ลบหมายจับ หรือยกเลิกหมายจับ ว่า น.ส. จิตภัสร์เป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีที่ 261/2556 ในคดีอาญาสืบเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง (กปปส.) เมื่อปี 2556 คดีดังกล่าวสอบสวนเสร็จสิ้นและได้ส่งสำนวนไปอัยการ พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้อง จึงได้ยื่นต่อศาลออกหมายจับ น.ส.จิตภัสร์ได้เข้ามอบตัวก่อนได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ส่วนจะสั่งฟ้องหรือไม่ เป็นอำนาจของทางอัยการพิจารณา ขณะนี้อัยการได้ขอให้ดีเอสไอสอบปากคำเพิ่มบางประเด็น อยู่ระหว่างการดำเนินการ เมื่อจับตัวได้ หมายจับก็สิ้นสุดลง พนักงานสอบสวนรายงานผลให้ศาลทราบ เป็นกระบวนการของศาลจะ เพิกถอนหมายจับ รายงานข่าวแจ้งว่าสำหรับคดีการชุมนุมทางการเมือง ดีเอสไอได้สรุปสำนวนสั่งฟ้องและส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการแล้วก่อนหน้านี้ แต่หลังจากนั้นอัยการได้สั่งให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษสอบเพิ่มเป็นระยะเวลากว่า 1 เดือน มีการยื่นหนังสือคำร้องขอเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำพยานและรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่ม สุดท้ายแล้วจะสั่งฟ้องหรือไม่ ขึ้นกับความเห็นอัยการ
++++ความคืบหน้ากรณีนมโรงเรียนในพื้นที่ ต.ปิงหลวง อ.นาหมื่น จ.น่าน เกิดการเน่าเสีย นายปิยะ ศิริลักษณ์ นายแพทย์สาธารณสุขน่าน ได้มีหนังสือด่วนที่สุด สั่งบริษัท ยู.เอ็ม.โภคภัณฑ์ จำกัด งดผลิตผลิตภัณฑ์นมยูเอชที นมโรงเรียน อย. 52-1-21447-1-0013 เพื่อจำหน่าย จนกว่าจะปรับปรุงคุณภาพให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนด เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบสถานที่ผลิตไม่ผ่านเกณฑ์ GMP ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข และไม่ผ่านเกณฑ์อาหารในภาชนะบรรจุชนิดที่ปิดสนิท และพบข้อบกพร่องรุนแรงหลายอย่าง หลังเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบนมที่ถูกส่งไปจำหน่ายโรงเรียนบ้านน้ำลี ต.ปิงหลวง อ.นาหมื่น จ.น่าน จำนวน 470 กล่อง บริษัทฯเรียกคืนกลับมาได้ 240 กล่อง โดยเจ้าหน้าที่พิสูจน์ตัวอย่างนมในห้องปฏิบัติการของบริษัทดังกล่าว พบว่านมบางกล่องมีการแยกชั้นไม่เป็นเนื้อเดียวกัน มีความเป็นกรด+ด่าง และมีกลิ่นไม่ปกติ นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ เจ้าพนักงานปกครอง กรมการปกครอง ในฐานะประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย (ส.ปอ.ท.) เปิดเผยว่า ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ป.ป.ท.เชียงใหม่ เพื่อดำเนินคดีกับบริษัทผลิตนมโรงเรียนให้ อบต.ปิงหลวงแจกให้เด็กนักเรียน ไม่ใช่แค่ปิดโรงงานแล้วก็จบ แต่ต้องมีผู้รับผิดชอบทางคดีอาญาด้วย