ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.
++++คลังประเมินความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวทั้งหมดทะลุ 7 แสนล้านบาท เฉพาะ 4 โครงการรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” กว่า 5.36 แสนล้านบาท ขณะที่พาณิชย์ขอเวลา 1 เดือน ตะลุยระบายข้าวค้างสต็อก 18.7 ล้านตัน พร้อมเปิดประมูลข้าวอีก 4.62 แสนตัน นัดยื่นซองเสนอราคา 29 ก.ย. นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ ได้รายงานให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบถึงความคืบหน้าในการระบายข้าวที่ค้างอยู่ในสต็อก จำนวน 18.7 ล้านตัน ตามโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้มีการระบายข้าวที่มีคุณภาพตามเกณฑ์สามารถบริโภคได้แล้ว จำนวน 4.3 ล้านตัน ส่วนของการแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องในโครงการรับจำนำข้าวนั้น จะเร่งดำเนินการอย่างเต็มที่และเข้มข้น
+++นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว เปิดเผยว่า ได้มีการเรียกประชุมคณะกรรมการเพื่อปิดบัญชีรอบ 30 ก.ย.2558 ให้ได้ภายในวันที่ 30 ต.ค.2558 เนื่องจากองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ขอเวลาตรวจปริมาณข้าวที่เหลือจากการปิดบัญชีรอบ 30 ก.ย.2557 เหลืออยู่ประมาณ 18 ล้านตัน แต่ที่ผ่านมาได้มีการระบายข้าวไปแล้ว 4.7 ล้านตัน การปิดบัญชีล่าสุดจะเพิ่มขึ้นจากครั้งก่อนเท่าไร ยังบอกไม่ได้ แต่ผลขาดทุนมากกว่าความเสียหายที่ทางสำนักนายกฯ ตรวจสอบออกมา 5.1 แสนล้านบาท เพราะเป็นการตรวจสอบข้าวเฉพาะรัฐบาลที่ผ่านมา แต่อนุกรรมการปิดบัญชีการจำนำข้าว 15 โครงการ เป็นของหลายรัฐบาลที่ผ่านมา
++++สำหรับการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวรอบ 30 ก.ย.2557 มียอดขาดทุน 7 แสนล้านบาท แยกเป็น 11 โครงการ ก่อนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ 1.63 แสนล้านบาท และอีก 4 โครงการ สมัยยิ่งลักษณ์อีก 5.36 แสนล้านบาท วันนี้ กรมการค้าต่างประเทศจะมีการชี้แจงรายละเอียดการเปิดประมูลในวันที่ 23 ก.ย.2558 เวลา 14.00 น. และกำหนดให้ยื่นซองเอกสารคุณสมบัติ วันที่ 28 ก.ย.2558 เวลา 09.30-11.30 น ที่ห้องอเนกประสงค์ ชั้น 3 อาคารปฏิบัติการ 5 ชั้น (อาคารสำนักงานมาตรฐานสินค้านำเข้าส่งออก) จากนั้นจะประกาศคุณสมบัติผู้เสนอซื้อที่มีคุณสมบัติครบถ้วน วันที่ 29 ก.ย.2558 เวลา 09.30 น. โดยจะเปิดให้ผู้เสนอซื้อที่คุณสมบัติครบถ้วนสามารถยื่นซองเสนอซื้อได้ในวันเดียวกัน เวลา 09.30-11.30 น. และจะเปิดซองตั้งแต่เวลา 11.30 น.
+++ความคืบหน้าการสรรหากรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) นั้น พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีหลายกลุ่มหลายฝ่ายเสนอรายชื่อเข้ามาแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณา แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเอาหรือไม่เอาใคร หรือให้ใครมาเป็นประธาน กรธ. ต้องพิจารณากันอีกครั้ง ต้องพูดคุยกันก่อน ซึ่งพร้อมรับฟังความคิดเห็นจากทุกคน ส่วนบรรดารายชื่อต่างๆ ที่เข้ามาผ่านสื่อมวลชนนั้น ก็รับพิจารณาไว้ทั้งหมดและเดี๋ยวก็คงหารือกันอีกครั้งในระดับ ครม. คสช. ว่าเหมาะสมอย่างไร สิ่งสำคัญขอฝากไว้ประเด็นเดียวก็คือ เราต้องมองจุดมุ่งหมายสุดท้ายของเราว่าต้องการอะไร อย่าไปมองเพียงแค่ว่ารัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่าน ถ้ามองแค่ตรงนี้มันไปไม่ได้ มันติดตั้งแต่ต้นแล้ว ต้องมองว่าเราต้องการอะไร และผลสุดท้ายประเทศชาติมีความสงบสุขสันติเข้มแข็ง ลดปัญหาที่ผ่านมาหรือเปล่า ถ้าย้อนกลับมาได้ เราควรมีอะไรอย่างไร แต่อยากให้เอาจุดหมายปลายทางมาก่อน
+++ด้านเว็บไซต์มีชัยไทยแลนด์ นายมีชัยได้ตอบคำถามของผู้ใช้ชื่อพนัสกุ๊ก ที่ถามเมื่อวันที่ 18 ก.ย.ว่า อยากทราบกระแสข่าวที่ท่านอาจารย์มีชัยได้ตอบตกลงนั่งประธาน กรธ. และร่างรัฐธรรมนูญที่จะแก้ไขใน 180 วัน ต้องร่างโดยใช้สูตร 20 เดือนหรือไม่ นายมีชัยได้ตอบในวันเดียวกันว่า “กำลังนั่งดูอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นในบ้านนี้เมืองนี้ สื่อมวลชนถึงได้ลงข่าวกันเป็นตุเป็นตะได้ถึงขนาดนั้น ต่อมาในวันที่ 20 ก.ย. มีผู้ใช้ชื่อณัฐพลถามอีกว่า มีข่าวว่าอาจารย์มีชัยถูกทาบทามให้เป็นประธาน กรธ.เรื่องนี้จริงไหมครับ แล้วอาจารย์จะรับหรือไม่รับตำแหน่งด้วยเหตุผลอะไร” ซึ่งนายมีชัยตอบว่า กรุณาดูคำตอบ 51011 (คำตอบที่ตอบผู้ใช้ชื่อพนัสกุ๊ก) ว่าแต่ว่าการจะรับหรือไม่รับทำไมต้องให้เหตุผลด้วยล่ะ
+++นายวิษณุกล่าวถึงข้อเสนอนายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่ให้ใช้สูตร 3-3-3-2 ว่าไม่สามารถทำได้ สูตรของนายจาตุรนต์ที่จะให้เวลาเลือกตั้ง 2 เดือนนั้น ถามว่าจะเป็นไปได้อย่างไร เพราะต้องออกกฎหมายลูกถึง 6 ฉบับ และไม่มีใครรู้ว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไร “
++++ข้อเสนอการจดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่ก่อนการเลือกตั้ง นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติและ ส.ส. ลพรรคประชาธิปัตย์ ให้ความเห็นว่าเป็นการส่งสัญญาณล่วงหน้าว่าการปฏิรูประบบพรรคการเมืองครั้งใหญ่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ก่อนจะมีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า โดยพบว่า ระบบพรรคการเมือง ต้องพึ่งพาธุรกิจการเมืองหรือต้องพึ่งพาเงินจากการทุจริตคอรัปชั่น การแข่งขันทางการเมืองเพื่อชัยชนะในการเลือกตั้งไม่คำนึงถึงวิธีการให้ได้มาซึ่งชัยชนะว่าถูกต้อง ประชาธิปไตยเทียมในระบบพรรคการเมืองพรรคการเมืองของไทยยังเป็นเพียงสถาบันของนักการเมืองและนักธุรกิจการเมืองยังต้องปฏิรูปสู่ความเป็นสถาบันทางการเมืองเช่นเดียวกับการเป็นบริษัทมหาชน
+++สมาคมธนาคารไทยยืนยันหามาตรการป้องกันการลักลอบคัดลอกข้อมูลบัตรและขโมยรหัสของลูกค้าผ่านเครื่องเอทีเอ็มและดูแลลูกค้าที่ได้รับผลกระทบอย่างดีที่สุด แนะลูกค้าใช้มือบังและหมั่นเปลี่ยนรหัสสังเกตความผิดปกติในการใช้เครื่องกรณีที่เกิดความเสียหายทางการเงินจากการถูกลักลอบคัดลอกข้อมูลจากตู้เอทีเอ็มธนาคารจะตรวจสอบและปรับปรุงคืนเงินให้กับลูกค้าโดยเร็วที่สุด
+++ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบ ร่างพระราชบัญญัติ การป้องกันและการแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยมีสาระสำคัญให้วัยรุ่นอายุ 10-19 ปี ต้องได้รับการเรียนการสอนเพศวิถีศึกษาตามความเหมาะสมของอายุ รวมถึงตั้งคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ซึ่งมีหน้าที่กำหนดนโยบาย ป้องกันแก้ไขเยียวยา เพื่อให้ทุกหน่วยงานบูรณาการร่วมกัน รวมถึงมีบทลงโทษผู้ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการดังกล่าว
++++พล.ต.ต.ชัยญัติ สายถิ่น ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี แถลงข่าวจับกุม น.ส.บังอร ศรีนานาม อายุ 27 ปี หนึ่งในแก๊ง ลักกะโหลกศีรษะศพตายโหง ในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์” โดยได้ร่วมก่อเหตุขโมยกะโหลกศีรษะ ศพนายธีระพงษ์ ศีรบุรินทร์ อายุ 27 ปี จากสุสานป่าช้า วัดนาเมืองไทย ต.น้ำโสม อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 15 กันยายน พร้อมของกลางจำนวนมาก ทั้งผ้ายันต์ โถบรรจุขี้เถ้า ของเหลวคล้ายขี้ผึ้ง 1 ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ พร้อมซัดทอดผู้บงการที่เป็นหมอผี ประกอบด้วยนายณรงค์ ภูมิภูชิต หรืออาจารย์อึ่ง อายุ 35 ปี นายอาทิตย์ คงกะเรียน หรืออาจารย์อ๋อง อายุ 35 ปี ซึ่งกำลังหลบหนี
+++ที่ผ่านมา เคยเกิดเหตุขโมยกะโหลกศีรษะศพ ในเขตพื้นที่ อ.กุมภวาปี และ อ.ประจักษ์ศิลปาคม ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน โดยการก่อเหตุเป็นเพียงข้อหาลักทรัพย์ แต่สร้างความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต หลังเกิดเหตุ ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี เร่งสืบสวนติดตามจับกุมคนร้าย คนร้ายสารภาพว่า นำสมองและเศษหนังศีรษะ ไปต้มเคี่ยวทำน้ำมันพราย ส่วนกะโหลกทำปั้นเหน่งเป็นชิ้นเล็กๆ ขนาดเหรียญ 10 บาท โดยจะมีคนมารับซื้อในราคาชิ้นละ 50,000-100,000 บาท