*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น. *
+++วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะบินไปร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ ครั้งที่ 70 และร่วมรับรองเอกสาร “วาระการพัฒนาหลังปี ค.ศ.2015” การประชุมจะมีขึ้นในวันที่ 24–30 กันยายน มีผู้นำจากประเทศสมาชิก 193 ประเทศเข้าร่วมประชุม การประชุมครั้งนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสต์ศาสนาทรงเข้าร่วมประชุมด้วย ท่ามกลาง การรักษาความปลอดภัยขั้นสุดยอด ป้องกันการก่อการร้ายทุกรูปแบบ ปิดถนนหลายชั้น แม้แต่เครื่องบินโดยสารในน่านฟ้านครนิวยอร์ก ก็มีข้อห้ามเพิ่มมากมาย ป้องกันการจี้เครื่องบินถล่มตึกยูเอ็นแบบเดียวกับถล่มตึกเวิลด์เทรด โดรนหรือเครื่องบินบังคับด้วยวิทยุ ถูกห้ามบินเด็ดขาด แม้แต่ “ไม้เซลฟี”เพื่อถ่ายรูปตัวเอง ก็ถือเป็นของต้องห้าม ตรวจพบถูกยึดทันที
หัวข้อการประชุมปีนี้คือ การพัฒนาที่ยั่งยืน Sustainable Development Summit 2015 ผู้นำประเทศสมาชิกที่เข้าร่วมประชุมต้องร่วมรับรอง ร่างเอกสารเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนหลังปี 2015 Sustainable Development Goals ที่เรียกว่า Transforming Our World : the 2030 Agenda for Sustainable Development การปรับเปลี่ยนโลกของเรา : วาระ 2030 เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับเชิญขึ้นกล่าวแถลงในที่ประชุมในหัวข้อ “การขจัดความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำในการพัฒนาที่ยั่งยืน “เตรียมนำเสนอ “หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว และ แนวทางพระราชดำริในการพัฒนาเพื่อขจัดความยากจนและความเหลื่อมล้ำ ซึ่งตรงกับหัวข้อการประชุมของสหประชาชาติที่กำหนดว่า เป้าหมายการพัฒนาปี 2030 จะต้องขจัดความยากจน ความหิวโหย และความเหลื่อมล้ำ ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ
++++พล.อ.ประยุทธ์ ยังจะเป็นตัวแทนประเทศไทยขึ้นรับ รางวัลการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน จาก สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) ในงานกาลาดินเนอร์ Connecting the World การเชื่อมโยงโลก ฉลองการสถาปนา 150 ปี ไอทียูอีกด้วย
+++มีรายงานจาก เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนคลี่คลายคดีระเบิดที่แยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร. และว่าที่ผบ.ตร. พร้อมคณะได้ขึ้นเครื่องบิน บินด่วนไปประเทศมาเลเซีย เนื่องจากได้รับการประสานงานจากทางการมาเลเซีย เพื่อให้มารับชายเสื้อเหลือง เบื้องต้นทราบชื่อว่า นายอาริ ไม่ทราบนามสกุล ผู้ต้องหาลอบวางระเบิดที่ศาลพระพรมเอราวัณ เมื่อวันที่ 17 ส.ค และชายเสื้อฟ้า ชื่อนายซูแบร์ อับดุลลา ผู้ต้องหาลอบวางระเบิดที่ท่าเรือสาทร เมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เปิดปากให้การยอมรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุนำระเบิดไปวางตามสถานที่ดังกล่าวจริง และมีรายด้วยว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ พร้อมคณะจะนำผู้ต้องหาทั้ง 2 คนขึ้นเครื่องบินกลับมาถึงประเทศไทยในวันที่ 23 ก.ย
++++พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า ในชั้นนี้ยังไม่สามารถยืนยันข้อมูลเหล่านั้นได้ ยังไม่ได้รับการประสานงานมาจากช่องทางใดๆ แต่สามารถบอกสื่อมวลชนได้ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ทำหน้าที่ในทุกมิติ ครอบคลุม เพื่อให้ได้ผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้ แต่ในรายละเอียด ไม่สามารถชี้แจงหรือยืนยันข้อมูลข่าวสารได้ ส่วนจะมีการควบคุมตัวชายเสื้อเหลืองไว้จริงหรือไม่นั้นยังไม่ทราบ
+++พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และโฆษก ตร. รอการยืนยันที่ชัดเจนจากการประสานมาของประเทศมาเลเซียก่อน ส่วนการตรวจสอบหนังสือเดินทางของนายยูซุฟู มีไรลี และนายอาบูดูซาทาร์ อาบูดูเรเฮมาน หรือนายอิซาน สัญชาติจีน กับทางสถานทูตจีนนั้นอยู่ในระหว่างที่ดำเนินการ ทั้งนี้จากการสืบสวนสอบสวนมีความชัดเจนแล้วว่า ชายเสื้อเหลืองมือวางระเบิดได้หลบหนีไปทางภาคใต้ของไทย แต่ไม่ทราบว่ายังอยู่ในพื้นที่หรือเดินทางออกนอกประเทศ ไปแล้ว
+++2 ดาราดังฮ่องกง เยิ่น ต๊ะ หัว - หมีเซียะ นักแสดงหญิงชื่อดังของฮ่องกง เดินทางมายังบริเวณศาลท้าวมหาพรหม ราชประสงค์ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้การท่องเที่ยวไทย นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ได้ ขอบคุณทุกคน เพราะเป็นโอกาสดีที่เพื่อนของประเทศไทย มาแสดงถึงความมั่นใจ ความไว้วางใจประเทศด้านหมีเซียะ กล่าวว่า การมาประเทศไทยครั้งนี้ ตั้งใจมารำหน้าพระพรหมโดยเฉพาะ และภาคภูมิใจมาก ตนมีความประทับใจในความโอบอ้อมอารีในไมตรีจิตของคนไทย ดีใจมากที่มีโอกาสเดินทางมาครั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ และองค์พระพรหม เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองไม่เฉพาะคนไทย แต่คุ้มครองคนทั้งโลก เชื่อว่านักท่องเที่ยวที่มาสักการะจะได้รับความคุ้มครองจด้วยเช่นกัน หมีเซี๊ยะ มีกำหนดกลับฮ่องกงวันที่ 23 ก.ย. แต่หากประเทศไทยต้องการตัวเมื่อใด ก็พร้อมและยินดีกลับมาทุกเมื่อ สิ่งที่ดีใจมากสำหรับการมาไทยครั้งนี้คือมีเพื่อนจากฮ่องกงร่วมเดินทางมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นนายแบบ เชฟ พิธีกร โดยเฉพาะนายโรเจอร์ วู เจ้าของเว็บไซต์ที่เชิญชวนชาวฮ่องกงมาเที่ยวเมืองไทย และมีการกดไลค์มากถึง 5 แสนวิวขึ้นไปแล้ว
+++หมีเซียะยังได้กล่าวเป็นภาษาไทยว่า “เมืองไทย สู้ สู้” และกล่าวเป็นภาษาอังกฤษว่า “Stronger Together Thailand” ด้วย ขณะที่นายโรเจอร์ วู กล่าวพร้อมกับมีน้ำตาคลอเล็กน้อยว่า ปัจจุบันคนไทยนิยมเพลงเกาหลี แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ลอบวางระเบิดที่ราชประสงค์ ไม่เคยเห็นศิลปินเกาหลีทำอะไรให้ประเทศไทยเลย ขณะที่คนฮ่องกง นักร้อง ดาราศิลปินฮ่องกง ต่างมาช่วยกันโดยไม่มีค่าตอบแทน ทุกคนมาจากใจ คนฮ่องกงชอบปรแทศไทย ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ก็ยังเชื่อมั่นประเทศไทย เพราะเราเป็นเพื่อนกัน
+++รัฐบาลฮ่องกง ลดระดับคำเตือนเดินทางเยือนไทยจาก "สีแดง" ลงสู่ขั้นต่ำสุด "สีเหลือง ระบุภัยคุกคามก่อการร้ายค่อยๆลดลงแล้ว เซาต์ไชนามอร์นิง รายงานว่ามีพลเมืองชาวฮ่องกง 2 คนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ 6 คนในเหตุโจมตีดังกล่าว ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนทั้งหมด 21 ศพและบาดเจ็บ 120 ราย ขณะที่คำเตือนสีเหลือง หมายความว่าพลเมืองฮ่องกงที่ประสงค์เดินทางมาไทยหรือว่าอยู่ในไทยแล้ว ควรอยู่ในความระมัดระวัง สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยวหรือแอตต้า เผยว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจากประเทศหลักในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นจาก จีน มาเลเซีย สิงคโปร์ และฮ่องกง มาเที่ยวไทยลดลงราว 10 เปอร์เซ็นต์จากเหตุการณ์รุนแรงดังกล่าว ขณะที่นักท่องเที่ยวกลุ่มเหล่านี้ คิดเป็น 40 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมดจากการท่องเที่ยวของชาวต่างชาติของไทย ในส่วนของนักท่องเที่ยวฮ่องกงนั้น การที่เขตบริหารพิเศษปักธงระดับเตือนเดินทางเยือนไทยเป็น "สีแดง" ส่งผลให้ชาวฮ่องกงที่เลือกจะเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยแบบกรุ๊ปทัวร์จะไม่สามารถทำประกันชีวิตท่องเที่ยวได้ตามกฎหมายบังคับของฮ่องกง
+++ขยายผลต่อจากทุจริตการปล่อยกู้ธ.กรุงไทย ให้กับกฤษดามหานคร พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 3 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า เรียกประชุมชุดพนักงานสอบสวนเพื่อกำหนดแนวทางการสอบสวนขยายผลคดีฟอกเงิน สืบเนื่องจากคำพิพากษาคดีทุจริตธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ให้กับบริษัทกฤษดามหานคร ซึ่งในสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนชุดเดิม มีการสอบปากคำพยานไปแล้ว 148 ปาก และอยู่ในขั้นตอนเตรียมจะมีการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหา 4-6 ราย แต่จากการตรวจสอบรายละเอียด คำพิพากษาศาลได้ระบุถึงยอดเงินที่กระจายออกจากธนาคารกรุงไทยเป็น 3 ก้อน คือ 500 ล้านบาท 9,900 ล้านบาท และหุ้นบุริมสิทธิ ดังนั้น พนักงานสอบสวนชุดใหม่ จึงต้องเรียกสอบผู้ที่มีชื่อรับเงินทุกรายว่ามีมูลหนี้ต่อกันหรือไม่
++++ล่าสุดดีเอสไอได้ประสานกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พบว่าธปท.ได้ตรวจสอบและวิเคราะห์เส้นทางการเงินจากการปล่อยกู้เกือบทั้งหมดแล้ว จึงมีข้อมูลค่อนข้างครบถ้วนว่าเงินดังกล่าวถูกโอนไปที่บุคคลใดบ้าง ดังนั้นในสัปดาห์นี้จะไปรับข้อมูลจากธปท.เพื่อนำมาตรวจสอบเปรียบเทียบกับสำนวนการสอบสวนชุดเดิมว่ามีการสอบปากคำพยานครบทุกปากตามเส้นทางการเงินที่ธปท.ตรวจพบหรือไม่ มั่นใจว่าสามารถแจ้งข้อกล่าวหาผู้เกี่ยวข้องภายในกำหนดอายุความ 15 ปี โดยมูลเหตุในคดีนี้เกิดในช่วงปี 2546-2547 จึงยังเหลืออายุความจนถึงปี 2561 สำหรับบุคคลที่อยู่ในข่ายต้องถูกเรียกเข้าสอบปากคำในคดีฟอกเงิน ประกอบด้วย นายพานทองแท้ ชินวัตร, นายมานพ ทิวารี บิดา น.ต.ศิธา ทิวารี อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย นางกาญนาภา หงส์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร และนายวันชัย หงส์เหิน สามีนางกาญจนาภา ตรวจสอบเส้นทางการเงินเบื้องต้นมีข้อมูลว่า นายวิชัย กฤษดาธานนท์ เจ้าของโครงการหมู่บ้านกฤษดามหานคร ได้ลงชื่อสั่งจ่ายแคชเชียร์เช็คจำนวน 26 ล้านบาท เข้าชื่อบัญชีนายพานทองแท้ โดยตรง แต่ในช่วงเย็นวันเดียวกันกลับมีการยกเลิกแคชเชียร์เช็คดังกล่าว นอกจากนี้พบเส้นทางการเงินว่ามีการโอนเงินจากกลุ่มกฤษดามหานครไปซื้อหุ้นบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด โดยใส่ชื่อเจ้าของหุ้นเป็นพนักงานของบริษัทฮาวคัม ซึ่งบริษัทดังกล่าวมีนายพานทองแท้ เป็นเจ้าของ