*รอบโลก:โป๊ปฟรานซิสเยือนสหรัฐ/อียูตกลงโควต้าส่งผู้อพยพ/โฟลคฯแถลงเสียใจโกงทดสอบไอเสีย/จีนปลดรองปธ.กลต.

23 กันยายน 2558, 06:22น.


ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.



+++ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงเสด็จเยือนสหรัฐฯเป็นครั้งแรกเมื่อวันอังคาร โดยกล่าวว่า สหรัฐ ควรใช้อำนาจกับความมั่งคั่งรับใช้มนุษยชาติ และอย่าทำในทางตรงกันข้าม โป๊ปฟราสซิส ซึ่งประสูตรในอาร์เจนตินาและประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิกที่มีผู้นับถือกว่า 1,200 ล้านคนทั่วโลก เดินทางถึงสหรัฐฯ หลังจากเครื่องบินของสายการบินอาลิตาเลีย ที่พระองค์ทรงประทับมาจากคิวบา ลงจอด ณ ลานบินของฐานทัพจอยต์ เบส แอนดรูว์ส โดยมี  ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เดินทางไปต้อนรับ พร้อมกับครอบครัว พร้อมกับเด็ก ๆ ที่ พากันตะโกน "เรารักโป๊ปฟราสซิส เรารักโป๊ปฟรานซิส"  ประธานาธิบดีโอบามา จะมีโอกาสเข้าเฝ้าฯเสด็จโป๊ปฟราสซิสอีกครั้งในวันพุธ(23ก.ย.) ที่ทำเนียบขาว หลังจากสมเด็จพระสันตะปาปา พระชนมายุ 78 พรรษา จะมีขบวนแห่ผ่านเหล่าอนุสรณ์สถานหลักๆของวอชิงตัน ท่ามกลางความคาดหมายว่าชาวโรมันคาทอลิกจำนวนหลายหมื่นคนจะมารอรับด้วย



+++สหภาพยุโรป เห็นชอบแผนแบ่งโควต้ารับผิดชอบผู้อพยพ 120,000 คนไปทั่ว 28 ชาติสมาชิก ขณะที่ สาธารณรัฐเช็ก-สโลวาเกีย โรมาเรียและฮังการี ลงมติคัดค้าน ส่วนฟินแลนด์ ดออกเสียง การหลั่งไหลเข้ามาในปีนี้ของผู้อพยพเกือบ 500,000 คน ที่หลบหนีภัยสงครามและความขัดสนจากตะวันออกกลาง เอเชียและแอฟริกา ฉุดให้อียูเข้าสู่ความขัดแย้งเกี่ยวกับการควบคุมชายแดนและกล่าวโทษกันไปมาต่อแนวทางการแบ่งปันความรับผิดชอบ



++++นายบัน คี-มุน เลขาธิการยูเอ็นคณะทำงาน 4 ด้านเพื่อผลักดันให้มีการเจรจาระหว่างคู่ขัดแย้งทุกฝ่ายของซีเรีย เพื่อหารือเรื่องโรดแมปเพื่อการสร้างสันติภาพ ระบุว่ายูเอ็นหวังว่าผลการทำงานของคณะทำงานดังกล่าวจะปูทางไปสู่การทำข้อตกลงเพื่อยุติปัญหาขัดแย้งบนพื้นฐานของแถลงการณ์ร่วมที่มีการลงนามไว้ในนครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ เขาหมายถึงโรดแมปตามที่ชาติมหาอำนาจของโลกทำข้อตกลงไว้เมื่อปี 2555 รวมถึงการจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล การเจรจาปรองดองแห่งชาติ การจัดตั้งองค์กรที่ร่างรัฐธรรมนูญและพิจารณาประเด็นปัญหากฎหมายในช่วงการถ่ายโอนอำนาจ ยูเอ็นระบุว่ามีคนเสียชีวิตราว 250,000 คนและคนอีก 7.6 ล้านคนไร้ที่อยู่อาศัยในประเทศ ขณะที่อีก 4 ล้านคนเป็นผู้อพยพในประเทศเพื่อนบ้านของซีเรีย



++++ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) เผยแพร่ ลดตัวเลขคาดการณ์อัตราขยายตัวของเศรษฐกิจเอเชีย  โดยมองว่าการชะลอตัวของจีนและอินเดียจะฉุดการเติบโตของทั้งภูมิภาค พร้อมกับเตือนธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ปรับนโยบายรับมือผลกระทบจากการที่ “เฟด” จะขึ้นดอกเบี้ยปลายปีนี้ เอดีบีคาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของเอเชียจะขยายตัวร้อยละ 5.8 ในปีนี้ และร้อยละ  6 ในปีหน้า ต่ำลงจากเลขคาดการณ์ครั้งก่อนในเดือนมีนาคม ซึ่งอยู่ที่ ร้อยละ 6.3 ทั้งสองปี   อัตราเงินเฟ้อ เอดีบีคาดหมายว่าจะอยู่ที่ ร้อยละ 2.3  ส่วนหนึ่งเนื่องจากแนวโน้มขาลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก สำหรับปี 2016 นั้น จะดีดกลับขึ้นไปที่ร้อยละ3



++++พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีคำสั่งปลด นายจาง ยูจุน รองประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์จีน (ซีเอสอาร์ซี) ออกจากการเป็นสมาชิกพรรค หลัง นายจางถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวน ฐานต้องสงสัยทุจริต "กระทำผิดวินัยพรรคอย่างร้ายแรง" ซึ่งเป็นถ้อยคำที่รัฐบาลจีนใช้แทนคำว่า "ทุจริตคอร์รัปชัน" นับเป็นเจ้าหน้าที่ของ ซีเอสอาร์ซี รายแรก ที่ถูกสอบสวนทุจริต ท่ามกลางความปั่นป่วนของตลาดหุ้นจีน ที่เริ่มตั้งแต่เดือน มิ.ย.ข่าวการปลดนายจางมีขึ้นขณะที่จีนกำลังเดินหน้าสอบสวน และจับกุมผู้ที่มีส่วนทำให้ตลาดหุ้นจีนเผชิญกับภาวะผันผวนอย่างหนัก และเมื่อไม่นานมานี้ทางการจีนจับกุมผู้ต้องสงสัยหลายคน รวมถึงผู้สื่อข่าว เจ้าหน้าที่ด้านกำกับดูแลหลักทรัพย์ และผู้บริหารระดับสูงของบริษัทดีลเลอร์ หลังมีข้อมูลว่ากลุ่มคนเหล่านี้เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ และใช้ข้อมูลวงใน ซีเอสอาร์ซี ยืนยันว่า การปราบปรามการซื้อขายหุ้นที่ผิดกฎหมายจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดแต่อย่างใด



+++มีข่าวลือว่า มาร์ติน วินเทอร์คอร์น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของโฟล์คสวาเกน อาจถูกปลดออกจากตำแหน่ง ตามหลังข่าวคราวโกงการทดสอบไอเสีย จากรายงานของสื่อมวลชนท้องถิ่นในวันอังคาร(22ก.ย.) อย่างไรก็ตามไม่นานทางค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของเยอรมนีได้ออกมาปฏิเสธ ขณะที่เจ้าตัวแถลงขอโทษต่อเรื่องอื้อฉาวที่ก่อมลทินต่อชื่อเสียงทางอุตสาหกรรมของประเทศ  หลังจากก่อนหน้านี้ทางโฟล์คสวาเกน ออกมายอมรับว่ารถยนต์ติดเครื่องดีเซลที่บริษัทผลิตส่งขายไปทั่วโลกจำนวนถึง 11 ล้านคัน มีการติดตั้งอุปกรณ์ซึ่งสามารถโกงการทดสอบไอเสีย



+++น้ำมันดิบเวสต์เทกซัส ตลาดนิวยอร์ค งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 85 เซนต์ ปิดที่ 45.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 16 เซนต์ ปิดที่ 49.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยนักลงทุนกำลังจับตา รายงานสถานการณ์ปิโตรเลียมรายสัปดาห์ของสหรัฐฯที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันพุธ(23ก.ย.) ด้วยโพลสำรวจความคิดเห็นของเหล่านักวิเคราะห์คาดหมายว่าสต๊อกน้ำมันดิบน่าจะลดลง 700,000 บาร์เรล แต่คลังเบนซินสำรองจะเพิ่มขึ้น 450,000 บาร์เรล เช่นเดียวกับสต๊อกน้ำมันกลั่น อันประกอบด้วยดีเซลและน้ำมันทำความร้อน ที่น่าจะเพิ่มขึ้น 1.25 ล้านบาร์เรล   



++++ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯร่วงลงหนัก ตามตลาดทุนยุโรป ท่ามกลางความกังวลต่อสภาวะเศรษฐกิจโลกและประเด็นเอื้อฉาวโฟล์คสวาเกนโกงการทดสอบไอเสีย  ดาวโจนส์ ลดลง 179.72 จุด (1.09 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16.330.47 จุด



+++ด้านราคาทองคำเมื่อวันอังคาร(22ก.ย.) ปิดลบเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน จากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 8.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,124.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์



++++คณะกรรมการพัฒนาระบบดิจิตอลบรอดแบนด์แห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็น) ระบุว่า ระบบดิจิตอลบรอดแบนด์ยังเข้าไม่ถึงคนนับพันล้านคนในประเทศกำลังพัฒนา รวมถึงร้อยละ 90 ของประชากรใน 48 ประเทศที่ยูเอ็นระบุว่ายากจนที่สุดในโลก เกาหลีใต้มีอัตราการใช้อินเตอร์เน็ตสูงที่สุดในโลกคือ ร้อยละ 98.5 ของครัวเรือนทั้งหมดมีการเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ต ตามด้วยประเทศกาตาร์ ร้อยละ 98 และซาอุดิอาระเบีย ร้อยละ 94 ส่วนประเทศที่มีอัตราการเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ตต่ำสุดอยู่ในทวีปแอฟริกาแถบใต้ทะเลทรายซาฮาร่า รวมถึงกินี, โซมาเลีย, บุรุนดีและเอริเทรีย ประชากรต่ำกว่าร้อยละ 2 ที่ใช้อินเตอร์เน็ต รายงานนี้มีขึ้นก่อนการประชุมสุดยอดที่สำนักงานใหญ่ของยูเอ็นในนครนิวยอร์คของสหรัฐฯที่จะเปิดฉากขึ้นในวันศุกร์นี้



+++นายโมฮัมหมัด ยูนุส ผู้อำนวยการแผนกคดีอาญา กระทรวงสิ่งแวดล้อมของอินโดนีเซีย กล่าวว่า พนักงานสอบสวนของอินโดนีเซียอยู่ระหว่างการสอบสวนบริษัทแห่งหนึ่งของสิงคโปร์ และอีกกว่า 200 บริษัทที่ทำธุรกิจเพาะปลูกและการป่าไม้ ฐานทำให้เกิดไฟป่าบนเกาะสุมาตราและกาลีมันตันของอินโดนีเซีย ทำให้ควันหนาทึบลอยปกคลุมทั่วทั้งภูมิภาคนี้ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ระดับมาตรฐานมลพิษเพิ่มสู่ระดับที่ไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพ ขณะเดียวกัน ฝนตกช่วยลดผลกระทบจากหมอกควันให้กับชาวบ้านในจังหวัดริเอา จุดหนึ่งที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด ด้านสำนักงานบรรเทาอุบัติภัยของอินโดนีเซียระบุว่าคุณภาพอากาศและทัศนะวิสัยเริ่มดีขึ้นโดยลำดับ ขณะที่จำนวนจุดที่มีการเผาป่าลดลงมากเช่นกัน โรงเรียนบางแห่งเริ่มเปิดการเรียนการสอนตามปกติ

ข่าวทั้งหมด

X