การทาบทามเข้าร่วมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ หรือ สปท. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า ไม่ได้มีการทาบทามและไม่มีการพูดคุย ทั้งตัวแทนจากรัฐบาลหรือทหาร ส่วนในอนาคตหากมีการติดต่อมา ยืนยันว่าจะไม่เข้าร่วมทั้งในนามพรรคและส่วนตัว เพราะเข้ามาทำงานการเมืองจากการเลือกตั้ง
ส่วนหากพรรคเพื่อไทยปฏิเสธส่งสมาชิกร่วมสภาเคลื่อน ฯ จะเป็นการเสียโอกาสหรือไม่นั้น คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่า ต้องขึ้นอยู่กับตัวองค์กร องค์กรใดองค์กรหนึ่งไม่สามารถส่งรายได้ชื่อได้เยอะจนเสียโอกาส ถ้าจะให้ประสบความสำเร็จในการปฏิรูปได้ หัวใจไม่ใช่ใครไปเข้าร่วม แต่อยู่ที่การทำงานของสภาในการรับฟังความเห็น ไม่ใช่มีเจ้าภาพเพียงไม่กี่คน ต้องให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วม ในการเสนอความคิด จึงจะนำมาสู่ความสำเร็จ ส่วนจะได้ความยอมรับมากเท่าใด ต้องพิจารณาโจทย์การปฏิรูปอย่างถ่องแท้ ใช้วิจารณญาณและสติ พร้อมกับการเปิดเวทีให้มีส่วนร่วมจากคู่ขัดแย้งที่มีอำนาจในการตัดสินใจ แต่ต้องไม่ใช่เวทีที่เกิดขึ้นในอดีต ที่มีเพียงการรับฟังเฉพาะเรื่องที่ต้องการรับฟังแล้วจบไป ที่เป็นเพียงรูปแบบแต่ต้องเป็นเวทีที่ตั้งระยะยาวให้ทุกฝ่ายได้มาปรึกษาได้ตลอดเพื่อไปสู่จุดร่วมเดียวกัน หรือ เวทีกล่อมเกลา เพื่อสร้างความปรองดองไม่ใช่การใช้อำนาจกฎหมายบังคับหรือเซตซีโร่
ทั้งนี้สภาขับเคลื่อนฯ สามารถเปิดเวทีนี้กล่อมเกลาความคิดได้ โดยให้รัฐบาลและคสช.ให้การสนับสนุนก็จะหนักแน่นขึ้นและผู้ที่จะนำมาคุยด้วยต้องมีอำนาจ ที่ให้ทุกฝ่ายเข้ามาได้หมด เพื่อขยายเวที และต้องมองกระบวนทัศน์ใหม่ของประชาธิปไตย ไม่ควรเน้นการกำจัดกันอย่างเดียวหรือเขียนกฎหมายบีบรัดปัญหาที่เกิดขึ้นห้วงเวลานี้เพียงอย่างเดียว แต่ต้องเปิดโอกาสหาหนทางพัฒนาทุกด้านแทน
ส่วนข้อเสนอของนายวิษณุ เครืองาม ที่จะให้มีการแก้กฎหมายพรรคการเมือง ที่ทำให้พรรคใหญ่ต้องจดจัดตั้งใหม่ หรือ เซตซีโร่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว ว่า อาจไม่ต้องทำขนาดนั้น ซึ่งตนไม่ทราบวัตถุประสงค์ แต่จากที่ติดตามข่าว ก็เพื่อให้พรรคเล็กสามารถแข่งขันได้ แต่ไม่ต้องถึงการเซตซีโร่ อาจเขียนในกฎหมายลูก เพื่อให้ทันการเลือกตั้งใหม่ อย่างไรก็ตามการจดทะเบียนพรรคใหม่เป็นเพียงการแก้ปัญหาภายนอก ไม่ได้ไปถึงแก่นของปัญหา สิ่งสำคัญอยู่ที่การหาแนวทางออกร่วมกันมากกว่า