นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน-ปัจจุบัน มีจังหวัดได้รับผลกระทบจากภาวะฝนตกหนัก จำนวน 19 จังหวัด สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 13 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 6 จังหวัด รวม 22 อำเภอ โดย จ.พังงาเกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องและน้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.ตะกั่วป่า อ.คุระบุรี และ อ.กะปง และมีพื้นที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) 8 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร ชลบุรี พัทลุง ตรัง พังงา จันทบุรี ระยอง และตาก หากไม่มีฝนตกเพิ่มในพื้นที่คาดว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 1-2 วัน
แต่ขณะเดียวกันยังมีอีกหลายพื้นที่ที่ประสบปัญหาภัยแล้ง มีน้ำไหลเข้าเขื่อนน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 22 กันยายนนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะรายงานสถานการณ์น้ำต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) และเสนอให้พิจารณางดปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำแม่กลอง
วันนี้ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เสนอผลวิจัย "นโยบายเศรษฐกิจมหภาคและการเงินการคลัง" ที่ห้องประชุมทีดีอาร์ไอ เน้นปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านต่างๆ และแนวทางแก้ไข
ส่วนสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เปิดมหกรรมขายทอดตลาด จากการยึดและอายัดทรัพย์ ในเครือข่ายคดี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ และคดีอื่นตั้งแต่วันนี้ - 24 กันยายน
ด้านศาลจังหวัดนาทวีออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 4 คนในคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา ประกอบด้วย พ.อ.ณัฐ สิทธิ์ มากสุวรรณ สังกัดกองอำนวยการรักษา ความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จังหวัดสตูล , ร.อ.วิสูตร บุนนาค สังกัด กอ.รมน.จ.ชุมพร , ร.อ.สันทัด เพชรน้อย สังกัด กอ.รมน.จ.ชุมพร , น.ท.กัมปนาท สังข์ทองจีน สังกัดทัพเรือภาคที่ 3 โดยคดีค้ามนุษย์โรฮีนจาภายใต้การดูแลของ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีการออกหมายจับผู้ต้องหาแล้ว 150 หมาย จับกุมตัวได้แล้ว 89 คน ยังหลบหนีอีก 61 คน
ส่วนเรื่องแรงงาน นางสาวพรรณี ศรียุทธศักดิ์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงแรงงานจัดให้มีการประชุมความร่วมมือเชิงวิชาการด้านแรงงานระดับรัฐมนตรีกับประเทศเพื่อนบ้าน (CLMTV) ขึ้นเป็นครั้งแรก ภายใต้หัวข้อ “การขยายความร่วมมือด้านแรงงานเกี่ยวกับการโยกย้ายถิ่นฐานเพื่อการจ้างงานในกลุ่มประเทศ CLMTV” (EnhancingLabour Cooperation on Migration for Employmentin CLMTV) โดยผลการประชุมได้ข้อสรุปเรื่องการโยกย้ายถิ่นฐานด้านแรงงานที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศทั้งประเทศผู้ส่งและรับแรงงาน แต่จำเป็นต้องส่งเสริมการโยกย้ายที่ปลอดภัยให้ถูกกฎหมายและมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ ต้องส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านแรงงานในด้านต่างๆ และควรจัดให้มีการประชุมอย่างต่อเนื่องและเสนอให้แต่ละประเทศแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ประสานงานหลักด้วย
ด้านแรงงานประมง ตามที่นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูต คณะผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นหัวหน้าคณะหารือร่วมกับเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรป หรืออียู เกี่ยวกับการแก้ปัญหาการทำประมง ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม หรือ IUU ซึ่งผลปรากฏว่า อียูพอใจที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญ และมุ่งมั่นการแก้ปัญหา โดยตั้งเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งอียูจะเข้ามาตรวจสอบผลการปฏิบัติ การแก้ปัญหาของไทยอีกครั้งเดือนตุลาคมนี้ จากนั้นจะมีการเสนอคณะกรรมาธิการอียู พิจารณาต่อไป
ด้านพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การพิจารณาจะเป็นไปตามกรอบเวลาเดิมที่อียูประกาศใบเหลืองตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน- 21 ตุลาคม 2558 ให้เวลาไทยในการปรับปรุงแก้ไขตามคำแนะนำ 6 เดือน
สำหรับการแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมาย มีการจับกุมดำเนินคดีแล้ว 494 คดี ผู้ต้องหา 3,012 คน ขณะที่การดำเนินงานของศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า-ออกเรือประมง (PIPO) จำนวน 28 ศูนย์ มีการแจ้งออก 52,604 ครั้ง แจ้งเข้า 48,553 ครั้ง ส่วนระบบติดตามตำแหน่งเรือ (VMS) มีการจัดตั้งศูนย์ VMS ที่ส่วนกลางแล้ว รวมทั้งปรับปรุงสถานีวิทยุประมงชายฝั่ง 15 แห่ง รองรับระบบ VMS ในส่วนภูมิภาค และติดตั้ง VMS ในเรือตรวจการประมง ต้องติดตั้งก่อนวันที่ 22 ตุลาคมนี้ หากฝ่าฝืนจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย
สำหรับการเพื่อช่วยเหลือชาวประมง ที่ได้ผลกระทบจากมาตรการบริหารจัดการประมง กระทรวงเกษตรฯได้ตั้งคณะกรรมการ 2 ชุด คือคณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสมของราคากลางในการซื้อ-ขายเรือประมง พร้อมส่วนประกอบ และคณะกรรมการพิจารณากลุ่มผู้ประกอบการ ที่สมควรได้รับเงินชดเชยจากการหยุดออกเรือประมง เบื้องต้น เห็นชอบกรอบการคิดค่าชดเชย ตามที่สมาคมการประมงแห่งประเทศไทยเสนอ ซึ่งจะนำเสนอคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พิจารณาอีกครั้ง
ด้าน นายอภิสิทธิ์ เตชะนิธิสวัสดิ์ นายกสมาคมการประมงนอกน่านน้ำไทย กล่าวว่าจากนโยบายของอินโดนีเซียในการจัดระเบียบการทำประมงเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล ทำให้เรือประมงทุกลำต้องเปลี่ยนใช้เครื่องมือประมงจากอวนลาก อวนลุน เป็นเบ็ดราว ซึ่งเรือไทยที่เข้าไปร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการอินโดนีเซีย ส่วนใหญ่เป็นเรืออวนลาก และอวนลุน ทำให้ต้องหยุดการออกจับสัตว์น้ำ 129 ลำ มานาน 9 เดือนแล้ว
ส่วนเรื่องราคาข้าว นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่าแนวโน้มราคาข้าวมีความเป็นไปได้จะปรับตัวสูงขึ้นอีกร้อยละ 8-10 ในช่วงเดือนธันวาคมนี้-มกราคมปีหน้า แต่ผลผลิตข้าวนาปีในปีนี้จะลดต่ำลง จากที่คาดการณ์ว่าจะมีผลผลิตออกมาจำนวน 27-28 ล้านตันข้าวเปลือก ปีนี้คาดว่าจะเหลือเพียง 23 ล้านตันข้าวเปลือกเนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้ง โดยราคาข้าวขาว 5% ของไทยขณะนี้ลงถึงจุดต่ำสุดแล้ว ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 355-360 เหรียญสหรัฐ/ตัน ซึ่งส่วนหนึ่งที่ราคาลดลงต่ำมาก มาจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงมาร้อยละ 8 จากต้นปี ทำให้ราคาข้าวขาวของไทยลดลงจากต้นปีที่อยู่ที่ ตันละ 400 เหรียญสหรัฐ
ปิดท้ายที่เรื่องของการศึกษา จากกรณีที่กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) มีปัญหาเรื่องผู้กู้ไม่คืนเงิน จึงจัดทำร่าง พ.ร.บ.กองทุนเพื่อการศึกษา เพื่อกำหนดให้หน่วยงานสามารถเปิดเผยข้อมูลบุคคลได้ อีกทั้งในปี 2561 จะนำรายชื่อผู้ค้างชำระเงินตั้งแต่ปี 2539 จนถึงปัจจุบันเข้าสู่ระบบข้อมูลเครดิตบูโรนั้น ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ จะมการจัดส่งรายชื่อบุคลากรของมหาวิทยาลัยเข้าสู่ระบบการชำระเงิน กยศ. พร้อมไปกับการทำความเข้าใจและรณรงค์ให้มีการชำระเงินคืน เพื่อให้สามารถนำเงินไปให้นักศึกษาในรุ่นต่อๆไปกู้ยืมได้
ด้านน.ส.ฑิตติมา วิชัยรัตน์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยถึงการแสดงความเห็นคัดค้านมาตรการยึดทรัพย์ผู้กู้ค้างชำระ และจะนำรายชื่อผู้กู้ค้างชำระเข้าสู่ระบบข้อมูลเครดิตบูโรในปี 2561 โดยชี้แจงว่า กรณียึดทรัพย์ผู้กู้ค้างชำระนั้น มีการให้โอกาสหลายปี ทั้งการไกล่เกลี่ย และเปิดโครงการชำระหนี้เพื่อลดเบี้ยปรับ ลดดอกเบี้ย แต่มีผู้กู้ค้างชำระติดต่อเพียงร้อยละ 10 เท่านั้น
นอกจากนี้ จากการสอบถามยังพบว่า สาเหตุที่ไม่ชำระเงินคืนนอกจากจะมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการใช้หนี้แล้ว บางคนยังเข้าใจว่าไม่ต้องใช้ก็ได้ เพราะมีการสอนกันมาระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง
*-*