+++นายสุทธิโรจน์ กองแก้ว ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคอง กล่าวว่า พายุหว่ามก๋อทำให้ในหลายพื้นที่ จ.นครราชสีมา ฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 ก.ย.จนถึงเช้าวันนี้ โดยเฉพาะในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อ.ปากช่อง เป็นพื้นที่อยู่เหนือเขื่อนลำตะคองมีปริมาณฝนตกรวมทั้งในพื้นที่เขื่อนลำตะคอง อ.สีคิ้ว มีปริมาณฝนที่ตกรวมกันประมาณ 150 มิลลิเมตร ส่งผลให้มีปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขื่อนลำตะคอง รวม 3 วัน อยู่ที่ 6.54 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) คาดว่าผลกระทบจากหย่อมความกดอากาศต่ำที่อ่อนกำลังจากพายุดีเปรสชัน หว่ามก๋อ จะทำให้เขื่อนลำตะคองมีปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขื่อนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านลูกบาศก์เมตร
+++พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ปริมาณฝนตกหนักมากที่จังหวัดจันทบุรี จังหวัดตราด จังหวัดระยอง และจังหวัดชลบุรีและภาคใต้ฝั่งตะวันตก ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ได้รับอิทธิพลจากพายุหว่ามก๋อเพิ่มขึ้น ปริมาณฝนที่ตกลงมาส่งผลทำให้เกิดผลดีต่อภาคการเกษตรในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ภาคกลาง มีปริมาณฝนตกกระจายในพื้นที่ ทําให้พื้นที่เพาะปลูกมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น มีผลดีทําให้สามารถลดการระบายน้ำจาก 4 เขื่อนหลักในลุ่มน้ำเจ้าพระยา จากอัตราการระบายน้ำวันละ 13 ล้าน ลบ.ม. เหลือวันละ 9 ล้าน ลบ.ม.
+++ สําหรับปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯในช่วงที่พายุหว่ามก๋อมีอิทธิพลกับประเทศไทยในช่วงวันที่ 14-18 ก.ย. 2558 รวม 901 ล้าน ลบ.ม. แบ่งเป็น ภาคเหนือ 179 ล้าน ลบ.ม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 135 ล้าน ลบ.ม. ภาคกลาง 29 ล้าน ลบ.ม. ภาคตะวันตก 220 ล้าน ลบ.ม. ภาคตะวันออก 142 ล้าน ลบ.ม. และภาคใต้ 196 ล้าน ลบ.ม. ส่วนในพื้นที่ภาคตะวันออก อ่างฯต่างๆมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นมากพอสมควร โดยเฉพาะในจังหวัด ระยอง และ จังหวัดชลบุรี
+++การคลี่คลายเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรววจแห่งชาติ ว่า ได้สั่งระงับชุดซักถามที่นำโดย พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจ ที่จะเดินทางไปประเทศมาเลเชียเพื่อร่วมซักถามผู้ต้องสงสัย 3 คนที่ทางการมาเลเชียจับกุมตัวได้แล้ว เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าทั้ง 3คนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดใกล้แยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร อีกทั้งเป้าหมายหรือผู้ต้องหาที่ทางการไทยติดตามตัว อาจไม่อยู่ที่มาเลเชียแล้ว ส่วนหนึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการนำเสนอข้อมูลของสื่อมวลชนที่รวดเร็วทำให้ผู้ต้องหาไหวตัว หลบหนีไปก่อน ยืนยันว่า หากพบพยานหลักฐานเชื่อมโยงผู้ใด จะยื่นคำร้องขอศาลออกหมายจับต่อไป ส่วนการตรวจสอบหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตจำนวน 251 เล่มที่พูลอนันต์ อพาร์ทเม้นท์ ย่านหนองจอก เชื่อว่า จะสามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นของจริงหรือปลอม โดยไม่จำเป็นต้องส่งไปให้ประเทศต้นทางที่ระบุในพาสปอร์ตตรวจสอบเนื่องจากจะทำให้สำนวนการสอบสวนเสียหาย และส่งผลต่อพยานหลักฐาน โดยมอบหมายให้ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประสานกับประเทศต้นทางเพื่อร่วมตรวจสอบแล้ว
+++ด้านพลตำรวจโทประวุฒิ กล่าวถึง กรณีทางการเมียนมาร์ จับกุมตัวนายดิว มูฮัมหมัด ชาวบังคลาเทศ ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและเป็นผู้ต้องหาที่ทางการมาเลเชียต้องการตัว ยังไม่ยืนยันว่าเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดในพื้นที่กรุงเทพฯหรือไม่ แต่ยอมรับว่าทางการไทยได้ประสานกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเมียนมาร์, มาเลเชีย, ลาว และกัมพูชา เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบเนื่องจากกลุ่มผู้ต้องหาอาจลักลอบหลบหนีออกนอกพื้นที่ตามแนวชายแดน
+++ร.ต.ท.สุพล ซาเสน พนักงานสอบสวน สน.หนองจอก ยื่นคำร้องฝากขังครั้งที่ 2 นายเมียไรลี ยูซุฟู อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันมีวัตถุระเบิด ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันมีซึ่งยุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยพนักงานสอบสวนระบุในคำร้องสรุปว่า ตามที่พนักงานสอบสวน สน.หนองจอก ได้ยื่นคำร้องฝากขังครั้งที่ 1 ผู้ต้องหารายนี้ตามคำร้องที่ 2596/2558 เป็นเวลา 12 วัน และจะครบฝากขังวันที่ 20 ก.ย. ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ และการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ยังต้องสอบพยานอีก 26 ปาก รวมทั้งรอผลการพิสูจน์ของกลาง และประวัติผู้ต้องหา ด้วยความจำเป็นดังกล่าวจึงขอฝากขังผู้ต้องหารายนี้ไว้อีก 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย.– 2 ต.ค.2558 ศาลได้อ่านคำร้องผ่านล่ามให้ผู้ต้องหาทราบแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังได้
+++กระแสข่าวที่นายมีชัย ฤชุพันธ์ ที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตอบรับตำแหน่งประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย กล่าวว่า ไม่ทราบ เนื่องจากขณะนี้นายมีชัย ปฏิบัติภารกิจอยู่ต่างประเทศ แต่ในช่วงที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 นายมีชัย ได้แสดงเจตนารมณ์ ไม่อยากรับตำแหน่งนี้ ถึงขั้นอยากให้เขียนข้อห้ามในคุณสมบัติเอาไว้ แต่เชื่อว่าหากถึงเวลาแล้วทุกฝ่ายเห็นชอบ อาจมีบุคคลเป็นตัวกลางไปพูดคุยกับนายมีชัย ให้รับตำแหน่งนี้ก็ได้
+++รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ความคืบหน้า ในการจัดตั้งกรธ. และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้มาหารือ คาดว่าจะได้รายชื่อก่อนวันที่ 22 กันยายน เพราะต้องให้เวลาผู้ที่ได้รับทาบทามไปเตรียมตัวเนื่องจากบางคนต้องลาออกจากตำแหน่ง และหลังจากที่นายกรัฐมนตรี กลับมาจากการประชุมที่สหรัฐฯแล้ว ก็จะทราบรายชื่อที่ชัดเจน
+++นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึง รายงานที่ว่ารัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนามยื่นหนังสือแสดงความห่วงกังวลส่งมายังสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย ต่อกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำไทยยิงเรือประมงเวียดนาม จนมีลูกเรือเวียดนามเสียชีวิต 1 ศพว่า นี้ กระทรวงการต่างประเทศได้ประสานผ่านช่องทางทางการทูตไปยังสถานเอกอัครราชทูตเวียดนาม ประจำประเทศไทยแล้ว ซึ่งขณะนี้มีกระแสข่าวหลากหลายอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งตอนนี้ ยังไม่มีหนังสือประท้วงใดส่งมาจากเวียดนาม โดยยืนยันว่าไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของสองประเทศ
+++นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กำลังเตรียมจัดทำรายงานผลงานรัฐบาลในรอบ 1 ปี เพื่อส่งต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เผยแพร่ให้สาธารณะชนรับรู้ โดยได้เตรียมตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาทำงานและคาดว่าจะมีการแถลงผลงานให้กับประชาชนในลักษณะเดียวกับที่เคยแถลงผลงานครบรอบ 6 เดือนของรัฐบาล แต่ยังไม่กำหนดวันและเวลาที่แถลง มอบหมายให้ทุกกระทรวงส่งรายงานมาเพิ่มเติมแล้ว โดยจะประสานงานกับสำนักโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อดูวันเวลาและรูปแบบที่เหมาะสมอีกครั้ง
+++การตัดสินใจคงดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ที่ร้อยละ 0–0.25 นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า เป็นสิ่งที่นักลงทุนในตลาดการเงินโลก ส่วนใหญ่คาดหมายไว้แล้ว ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นกับตลาดการเงิน ไม่ได้รุนแรงเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ โดยค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ปรับอ่อนค่าลงบ้างประมาณ ร้อยละ 1 ในระยะสั้นๆ เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้นปรับลดลงเล็กน้อย จากการกลับเข้ามาซื้อของนักลงทุน ทั้งนี้ แม้ช่วงเวลาที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะล่าช้าออกไปบ้าง แต่ความผันผวนในตลาดการเงินโลกน่าจะคงอยู่ต่อไป จากความเสี่ยงของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะเศรษฐกิจจีน ดังนั้น ธปท. จะติดตามสถานการณ์ในตลาดการเงินโลกอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันภาคเอกชน ควรจะระมัดระวังและเตรียมความพร้อม เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนได้ทั้ง 2 ทิศทาง โดยอาจพิจารณาใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อลดทอนผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดขึ้นได้
+++การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยบวก 0.62จุด ที่ระดับ 1,390.32จุด มูลค่าซื้อขาย 39,155.47ล้านบาท
+++ดัชนีนิเคอิ ตลาดหุ้นโตเกียวของญี่ปุ่น ลดลง 362.06 จุด ปิดที่ 18,070.21 จุด ฮั่งเส่ง ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 66.20 จุด ปิดที่ 21,920.83 จุด เซี่ยงไฮ้ ตอมโพสิต ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 11.86 จุด ปิดที่ 3,097.92 จุด
+++สำนักงานจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติของชิลี ระบุว่ามีคนเสียชีวิต 11 ศพและบาดเจ็บอีก 9 คนหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 8.4 เมื่อค่ำวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น บ้านเรือนเสียหายราว 3,000 หลัง มีการอพยพชาวบ้านกว่า 1 ล้านคนออกจากพื้นที่แถบชายทะเลหลังมีการแจ้งเตือนเรื่องคลี่นสึนามิหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว ด้านนายฮอร์เก เบอร์กอส รัฐมนตรีความมั่นคงภายในของชิลีซึ่งเดินทางไปตรวจเยี่ยมพื้นที่ประสบภัย ระบุว่า ที่เมืองชายทะเลโคควิมโบ หนึ่งในพื้นที่ประสบภัย ชาวบ้าน 409 คนต้องพักอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว ท่าเรือของเมืองเสียหายอย่างรุนแรง เกิดอาฟเตอร์ช็อคตามมาอีกหลายระลอก ขนาดรุนแรงวัดได้ 7.0 แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวครั้งนี้รับรู้ได้ไกลถึงบราซิล โบลิเวียและอาร์เจนตินา
+++สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เกิดเหตุระทึก ไฟไหม้โรงแรมแห่งหนึ่งในนครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 ก.ย. ทำให้ต้องมีการอพยพผู้แสวงบุญชาวมุสลิมกว่า 1,000 คน ซึ่งมาพักอยู่ในโรงแรมดังกล่าวกันอย่างโกลาหล เจ้าหน้าที่ทางการซาอุดีอาระเบีย เปิดเผยว่า เหตุเพลิงไหม้ เกิดขึ้นที่ห้องพักห้องหนึ่ง บนชั้น 16 ของโรงแรม สูง 20 ชั้น ตั้งอยู่ย่านอาซิซิยา ในนครเมกกะ จึงทำให้ต้องมีการอพยพผู้แสวงบุญกว่า 1,000 คน ออกจากโรงแรมอย่างเร่งด่วน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ 2 คน โชคดีที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถควบคุมเพลิงได้อย่างรวดเร็ว จึงไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก นับเป็นเหตุการณ์ระทึกครั้งที่ 2 ที่เกิดกับบรรดาผู้แสวงบุญชาวมุสลิม ที่เดินทางมาเพื่อประกอบพิธีฮัจญ์ในปีนี้ หลังจาก 11 ก.ย. เพิ่งเกิดอุบัติเหตุเครนยักษ์ล้มใส่มัสยิดฮะรอม หรือ แกรนด์ มัสยิด ในนครเมกกะ จนทำให้มีผู้แสวงบุญเสียชีวิตถึง 111 ศพ บาดเจ็บกว่า 390
CR:แฟ้มภาพ