*นายกฯหนุนเอสเอ็มอี การตลาดต้องชัด-เพิ่มช่องทางจำหน่าย ทำแบรนด์ของตัวเองเน้นคุณภาพ*

18 กันยายน 2558, 19:16น.


การส่งเสริมเศรษฐกิจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวภายในงานปาฐกถา ในหัวข้อ "ขับเคลื่อน SMEs ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย" ที่อิมแพค เมืองทองธานี ว่า ธุรกิจเอสเอ็มอี เป็นธุรกิจที่สำคัญของไทยและของโลก ซึ่งจากตัวเลขผู้ประกอบการ เอสเอ็มอีของประเทศไทยมีผู้ประกอบการ 2,850,000ราย และทำรายได้ด้านการส่งออกเข้าประเทศสูงถึง 1ล้าน7แสนล้านบาท ซึ่งมีตัวเลขมูลค่าร้อยละ 37.4 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพี  ซึ่งวันนี้ทุกภาคส่วน อาทิ ภาคเอกชน ธนาคาร ชุมชน ต้องร่วมมือกันช่วยกันพัฒนา ซึ่งอะไรที่รัฐบาลสามารถช่วยได้ก็จะเข้าไปช่วยเหลือ แต่การแก้ปัญหาถ้าจะให้จบต้องอย่าใจร้อน เพราะการขับเคลื่อนเอสเอ็มอี ถ้าใช้วิธีการตลาดปกติก็จะสู้ธุรกิจขนาดใหญ่ไม่ได้ในเรื่องการจำหน่าย ดังนั้นรัฐบาลก็จะเข้าไปช่วยเรื่องช่องทางการจำหน่ายในโซเชียลมีเดีย รวมถึง หาผู้ค้า ช่องทางการค้าเพิ่มให้แต่ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจทุกประเทศตอนนี้ตกหมดก็อย่าพึ่งไปตกใจ  เนื่องจากไทยยังมีฐานเศรษฐกิจก็ที่ดีอยู่ นอกจากนี้ธุรกิจใหม่ก็จะต้องผลิตนวัตกรรมใหม่ๆออกมา หรืออะไรที่อยู่ในชุมชนก็ต้องนำมาคิดพัฒนาเพิ่มมูลค่าให้ได้ เหมือนต่างชาติ เพราะจะรอรัฐเข้าไปส่งเสริมไม่ได้ และจากการที่รัฐบาลได้ส่งเสริมตลาดชุมชนทุกพื้นที่ ซึ่งตรงนี้ก็เป็นช่องทางที่กลุ่มผู้ค้าเอสเอ็มอี จะนำสินค้าไปจำหน่ายได้





ส่วนการทำตลาดจะต้องวางแผนที่ชัดเจน เช่น รัฐบาลอาจจะคิดสร้างแบรนด์ ทำยาสีฟีน ยี่ห้อสมคิด ก็ได้ โดยที่กล่องอาจไม่ต้องสวย แต่เน้นคุณภาพ ซึ่งเดี๋ยวรัฐบาลจะไปพูดคุยกับร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ว่าจะเอาของจากชุมชนไปขายใกล้ๆร้านใหญ่ได้ไหม  นอกจากนี้รัฐบาลก็กำเร่งทำเรื่องแอพพลิเคชั่น เพื่อรวบรวมข้อมูลของรัฐทุกอย่างเอาไว้ ซึ่งตอนนี้ก็ได้เร่งให้ทุกกระทรวงจะต้องทำให้แล้วเสร็จก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี( ครม. )ในครั้งหน้า



ทั้งนี้ รัฐบาล ก็อนุมัติเงินไปหลายภาคแล้วโดยจะต้องดูแลทุกมิติทุกภาคส่วน ให้เท่ากัน แต่ยังไงตอนนี้รัฐบาลก็ยังไหว สู้ไหว ถ้าได้รับรอยยิ้มจากประชาชน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ทุกคนต้องช่วยกัน ซึ่งที่ผ่านมาถ้าทุกคนจะรักใครชอบใครส่วนตัวไม่ว่า แต่ตอนนี้ขอให้นึกถึงประเทศชาติเป็นสำคัญ อย่างไรในการกล่าวปาฐกถาช่วงหนึ่ง นายกรัฐมนตรี กล่าวหยอกล้อกับผู้ที่มาร่วมฟังว่า ที่ในวันนี้ทุกคนเข้ามาฟังนี้ก็ไม่เสียสตางค์นะเพราะถ้าไปฟังโน็ต คงเสียเงินเยอะ ซึ่งวันนี้โน็ตก็พูดถึงเยอะแล้ว เพราะคงกลัวว่าตัวเองจะไปพูดแข่ง





นอกจากนี้ ภายในงาน นายกรัฐมนตรี ยังร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ระหว่างธนาคารออมสิน กับธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ รวมทั้ง มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือภายใต้โครงการค้ำประกันสินเชื่อในลักษณะ ระยะที่5(ปรับปรุงใหม่) ระหว่างบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม และธนาคารพาณิชย์ ซึ่งการลงนามเหล่านี้เป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ตามมติของคณะรัฐมนตรี



ผู้สื่อข่าว:วิรวินท์ ศรีโหมด 

ข่าวทั้งหมด

X