*รองนายกประวิตร เผย ยังไม่รู้ มีชัย ฤชุพันธ์ นั่งปธ.กรธ.*

หลังจากที่มีข่าวว่านายมีชัย ฤชุพันธุ์ ที่ปรึกษากฎหมายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คสช รับที่จะมาเป็นประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ กรธ.นั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่า ยังไม่ทราบเรื่อง และยังไม่ได้คุยกับใคร เท่าที่ทราบตอนนี้นายมีชัยเดินทางไปต่างประเทศ และจะกลับมาวันที่ 18ก.ย. แต่ส่วนตัวมองว่าไม่ว่าใครจะมาเป็น ขอให้ทำเรื่องทั้งหมดให้เรียบร้อย และทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้าให้ได้ รวมถึงยุติเรื่องความขัดแย้งที่มีมานานกว่า 8-9ปีให้ได้ และขอให้สื่อมวลชนช่วยเรื่องนี้ด้วนเช่นกัน  แต่ยืนยันว่า คสช. ไม่มีสเปค  ส่วนการสรรหากรรมการร่างรัฐธรรมนูญ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ก็จะมีส่วนช่วยดูแลในเรื่องนี้

ส่วนภายหลังการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ และการทำประมงผิดกฎหมาย รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ระบุว่า ขณะนี้ทางกองทัพเรือ และตำรวจน้ำดำเนินการอยู่ เช่นการลงไปตรวจสอบเรือประมงที่ใช้อุปกรณ์ผิดประเภท หรือช่วยเหลือหากชาวประมงประสงค์จะเปลี่ยนอาชีพ รวมถึงเฝ้าระวังดูแลเป็นพิเศษตามแนวชายเพื่อให้เป็นไปตามหลักสากล  ส่วนการดำเนินการเรื่องของกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามหลักสากลก็จะต้องทำให้เสร็จเรียบร้อยก่อนวันที่ 15พฤศจิกายน

ส่วนกรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำไทยยิงเรือประมงเวียดนามจนทำให้ลูกเรือประมงเวียดนามได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พล.อ.ประวิตร ระบุว่า เรื่องนี้ไม่ต้องชี้แจง โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสอบสวนอยู่

ด้านเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดป่วนหลายจุด ในพื้นที่ของจังหวัดนราธิวาส รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ระบุว่า ผู้ก่อเหตุตอนนี้มีหลายพวก ซึ่งไม่ทราบว่าใช่กลุ่มที่ทางการไทยกำลังดำเนินการพูดคุยอยู่ หรือกลุ่มใด แต่การดูแลความปลอดภัยเจ้าหน้าที่ก็กำลังดูแลอยู่ ส่วนเหตุระเบิดเมื่อคืนนี้ มีเพียง1จุดที่เป็นระเบิดจริง ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต ส่วนจุดยื่นๆเป็นประทัดยักษ์เท่านั้น

ส่วนเรื่องโครงการรับจำนำข้าวที่ทางกระทรวงการคลัง อาจจะเรียกร้องค่าเสียหายจากนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กว่า 5แสนล้านบาท ซึ่งจะมีผลต่อการเดินทางออกนอกประเทศของ นางสาวยิ่งลักษณ์หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ระบุว่า เรื่องนี้ ต้องให้ศาลเป็นผู้พิจารณา  และหลังจากนี้จะมีการเชิญใครเข้ามาปรับทัศนคติอีกหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ก็ต้องดูว่าถ้าใครพูดเพื่อให้เกิดความขัดแย้งอีกหรือไม่ ซึ่งถ้าพบก็อาจจะมีการเรียกมาพูดคุย แต่ขณะนี้ยังไม่มี