*รอบวัน:พักโทษหะยีดาโอ๊ะท่าน้ำ 21ก.ย.นี้ /เรียก5.1แสนลบ.ปู-บุญทุจริตคดีจำนำข้าว/ทีโอทีประชุมวันนี้กรณีAIS*

ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.

+++คนร้ายวางระเบิดป่วน อ.ระแงะ จ.นราธิวาส  7 จุด ทำให้ ทหารและชาวบ้านสังเวยชีวิต 2 ศพ บาดเจ็บ 14 ราย ผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ ส.ท.คนิณ บุญมาทัน สังกัดกรมทหารพรานที่ 45 และนายกิตติศักดิ์ แสงชูติ ด้านนายนายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ได้เซ็นคำสั่งอนุมัติให้มีการพักการลงโทษ นายหะยีดาโอ๊ะ ท่าน้ำ หรือดาโอ๊ะ มะเซ็ง ผู้ต้องขังคดีร่วมกันเป็นกบฏแบ่งแยกราชอาณาจักร สะสมกำลังพลและอาวุธ สมคบกันเป็นซ่องโจร อดีตหัวหน้าขบวนการ พูโล ซึ่งขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำกลางปัตตานี เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการแสดงความจริงใจในการแก้ไขปัญหาพื้นที่ เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 17 ก.ค.  ได้มีการปล่อยตัวพักการลงโทษให้ นายหะยีสะมะแอ ท่าน้ำ หนึ่งในแกนนำขบวนการพูโล อย่างไรก็ตาม นายหะยีดาโอ๊ะได้ รับการลงโทษจำคุกมานานกว่า 17 ปี โดยจะถูกปล่อยตัวในวันที่ 21 ก.ย. นี้ ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลสำคัญของศาสนาอิสลามคือเทศกาล อีดิลฟิตรี

++++หะยีดาโอ๊ะ ท่าน้ำ ผู้ต้องขังคดีก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ อดีตแกนนำขบวนการพูโล ถูกอัยการสั่งฟ้องศาลในคดีกบฏแบ่งแยกดินพร้อมกับพวกรวม 5 คน ตั้งแต่ปี 2541 โดยเมื่อปี 2545 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ประหารชีวิตนายหะยีดาโอ๊ะ แต่เนื่องจากให้การเป็นประโยชน์จึงลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต

++++คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงและกำหนดค่าความเสียหาย และคณะกรรมการว่าด้วยการรับผิดทางแพ่งคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีมติให้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย มูลค่า 5.1 แสนล้านบาท  แบ่งเป็นโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 5 แสนล้านบาท และโครงการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ และข้าราชการ มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท  โดยจะให้กระทรวงการคลังสั่งให้ผู้กระทำผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน โดยใช้อำนาจตามมาตรา 12 พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 และข้อ 18 วรรคสอง ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539

+++ขั้นตอนจากนี้  นายวิษณุจะเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลงนามให้ความเห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการฯ ภายในวันที่ 30 ก.ย.นี้ จากนั้นจะส่งเรื่องให้กระทรวงการคลังดำเนินการต่อไปการใช้วิธีการดังกล่าวเป็นการสั่งให้ผู้กระทำผิดชดใช้เงินค่าสินไหมทดแทนโดยตรงแทนการยื่นฟ้องทางแพ่งต่อศาล ซึ่งจะใช้เวลานานและมีขั้นตอนยุ่งยาก หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพวก ต้องการอุทธรณ์คำสั่ง ก็ให้ร้องต่อศาลปกครองเพื่อให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว  แต่ หากศาลเห็นว่าคำสั่งของกระทรวงการคลังชอบแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพวกต้องชดใช้ค่าเสียหายในทันที หากไม่นำเงินมาชำระภายในเวลาที่กำหนด ให้เจ้าพนักงานสามารถดำเนินการยึดทรัพย์ได้

+++นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า ได้เร่งให้คณะกรรมการพิจารณาความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว สรุปผลการตรวจสอบเพื่อส่งเรื่องให้คณะกรรมการรับผิดทางแพ่งของกรมบัญชีกลางพิจารณาเรียกความเสียหายจากผู้กระทำผิด ซึ่งยังมีเวลาดำเนินการอยู่ เพราะอายุความยังอยู่อีกมาก   ขณะเดียวกัน ยังไม่จำเป็นเร่งด่วนในการออก พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อบริหารจัดการหนี้ 7.2 แสนล้านบาท เนื่องจากการบริหารหนี้แบบปกติยังดำเนินการได้อยู่ และยังไม่มีสัญญาณว่าการชำระหนี้จะกระจุกตัวมากเกินไป และการก่อหนี้ไม่ได้เกินเพดานที่กรอบความยั่งยืนทางการคลังกำหนดไว้

+++กระทรวงไอซีทีส่งหนังสือคำสั่งให้แก่ทีโอที ไปดำเนินการกำกับคู่สัญญาสัมปทาน คือ AISแล้ว  พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินงานอย่างละเอียดกลับมาให้กระทรวงไอซีทีทุกสัปดาห์ ทั้งนี้ แม้สัญญาสัมปทานดังกล่าวจะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 กันยายนนี้ แต่ตามกระบวนการทางกฎหมายยังสามารถดำเนินการได้ต่อ จะไม่กระทบต่อการเร่งรัดชดเชยจากคู่สัญญาสัมปทานต่างอย่างใด  กรณีนี้ ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาแล้วเห็นว่าการแก้ไขสัญญาสัมปทานของเอไอเอสและทีโอทีเมื่อปี 2533 มีผลทำให้ภาครัฐเสียประโยชน์ รวม7.2 หมื่นล้านบาท  

+++ด้านนายสมประสงค์ บุญยะชัย ประธานกรรมการบริหาร บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) กล่าวถึงกรณีครม.มีมติเห็นชอบให้กระทรวงไอซีที ซึ่งกำกับดูแล บมจ.ทีโอที เพื่อเร่งดำเนินการให้ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือเอไอเอส ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ INTUCH ต้องจ่ายเงินชดใช้ค่าเสียประโยชน์ให้แก่ บมจ.ทีโอที จากกรณีที่ได้มีการแก้ไขสัญญาต่างๆ ซึ่งเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับ ADVANC ในช่วงที่ผ่านมานั้น ว่า ขณะนี้ ADVANC ยังไม่ได้รับหนังสือจากหน่วยงานไหน    สัญญาที่ให้แก้เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนก็ทำตามแล้ว เช่น เรื่องส่วนแบ่งรายได้ที่ระบุว่าให้นำไปลดให้กับประชาชน เราก็นำไปลดให้กับผู้ใช้บริการ เพื่อให้เกิดประโยชน์ในวงกว้าง เชื่อในความถูกต้องของบริษัท

+++ด้านแหล่งข่าวจาก บมจ.ทีโอทีระบุว่า ประเด็นดังกล่าวทีโอทีและเอไอเอสต้องหารือถึงทางออกร่วมกัน  โดยที่ผ่านมา นายพรชัย รุจิประภา อดีต รมว.ไอซีที ได้เคยสั่งให้ทีโอทีและเอไอเอสไปเจรจายุติข้อพิพาทระหว่างกัน เพื่อให้สามารถทำธุรกิจร่วมกันได้ในอนาคต ซึ่งทั้งฝ่ายบริหารและบอร์ดทีโอทีไม่ได้นิ่งนอนใจซึ่งในวันนี้ บอร์ด ทีโอที จะประชุมพิจารณาอีกครั้ง

+++ศาลจังหวัดมีนบุรีอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาคดีระเบิดเพิ่มอีก 1 คนแล้ว เป็นชาวปากีสถาน หัวหน้า ขบวนการค้ามนุษย์ส่งอุยกูร์ ไปประเทศที่สาม และช่วยเหลือชายเสื้อฟ้าเอาระเบิดไปวางที่ท่าเรือสาทร เจ้าหน้าที่สถานทูตตุรกีตรวจพาสปอร์ตของกลาง 251 เล่มแล้ว พบมีทั้งของจริงและของปลอม สำหรับ นายอับดุล ตอแอ็บ (Mr.ABDUL TAWAB) ตาม หมายจับที่ จ.843/2558 ลงวันที่ 17 ก.ย.58 ข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันมีซึ่งยุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ขยายผลการเข้าตรวจค้นห้องพักที่พูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ ย่านหนองจอก เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ประกอบกับคำให้การของนายเมียไรลี ยูซูฟู ให้การว่า รู้จักกับนายอับดุล และสอดคล้องกับคำให้การของพยานที่เคยเห็นนายอับดุลและนายเมียไรลีไปมาหาสู่กันหลายครั้งที่พูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ ทางการสืบสวนเชื่อว่า นายอับดุลเป็นหัวหน้าขบวน การค้ามนุษย์ ขนส่งชาวอุยกูร์เข้าออกประเทศไทยเพื่อไปประเทศที่ 3 รวมถึงให้การสนับสนุนช่วยเหลือชายเสื้อฟ้าที่เขี่ยระเบิดลงแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณท่าน้ำสาทร และชายชาวต่างชาติไม่ทราบชื่อที่เคยปรากฏตัวที่ห้างสรรพสินค้าย่านบางกะปิ และหลบหนีไปประเทศมาเลเซีย

+++ขณะนี้พนักงานสอบสวนเตรียมขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องสงสัยอีกคน ที่พักอยู่ห้องเดียวกับนายอับดุลที่จุฑาแมนชั่น ย่านอ่อนนุชคือนายบาร์กัต ไบก์ หรืออาลี อายุ 40 ปี ชาวปากีสถานเช่นกัน เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่า นายบาร์กัต รู้จักนายเอ็มระห์ ดาวูโตกลู สามี น.ส.วรรณา สวนสัน ด้วย จึงน่าเชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกับคดีระเบิดทั้ง 2 แห่ง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับต่อไป  โดยวันที่ 16 ก.ย.เป็นวันครบกำหนดการฝากขังผัดแรกของนายอาเดม คาราดัค หรือนายบิลา มูฮัมหมัด เจ้าหน้าที่ทหารคุมตัวนายอาเดมฝากขังผัดที่ 2 เรียบร้อยแล้ว    ทั้งนี้ ขั้นตอนการฝากขังเป็นการทำผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากศาลจังหวัดมีนบุรีมาที่เรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี ในบริเวณ มทบ.11 เพราะเป็นผู้ต้องหาในคดีความมั่นคง ส่วนนายเมียไรลี ยูซูฟู จะครบฝากขังผัดแรกวันที่ 19 ก.ย. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะเป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าคดีระเบิดราชประสงค์ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ภายหลังศาลออกหมายจับผู้ต้องหาชาวปากีสถาน เวลา 10.30 น.

+++10โมงเช้าวันนี้ กองปราบแถลงจับผตห.ยิงนายสมยศ สุธางค์กูร  หลัง พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รอง ผบก.ป. พร้อมกำลังเข้าจับกุมนายจิระพันธ์ หนูเทียน หรือหนู อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่ขี่รถจักรยานยนต์พามือปืนไปยิงนายสมยศ  โดยจับกุมได้ที่หน้าหมู่บ้านเอื้ออาทร ต.เขาน้อย อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ สอบสวนนายจิระพันธ์รับสารภาพว่าได้ขี่จักรยานยนต์พานายภาณุพงษ์ หรือแจ้ รัสนา อายุ 32 ปี มือปืน ไปยิงนายสมยศ จากนั้นนำจักรยานยนต์ไปจอดทิ้งไว้ที่บริเวณซอยรามคำแหง 24 แยก 2 ก่อนไปกบดานที่ย่านหนองแขม กทม.แล้วเผากระเป๋าสะพาย เสื้อผ้า ที่สวมใส่ในวันก่อเหตุทั้งหมด ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุได้นำไปโยนทิ้งในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่บริเวณกลางสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า จากนั้นได้รับค่าจ้างจากนายชม ไชยณรงค์ โดยได้เงินมาก่อนก่อเหตุ 5 หมื่นบาท และรับเงินหลังจากก่อเหตุอีก 5 หมื่นบาทก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้จับกุมนายภาณุพงษ์ นายชม นายกฤษฎา หรือนก ใจเอม ผู้รับงานและจัดหามือปืน และนายมนตรี เจริญรัตน์ ผู้จัดหาอุปกรณ์ ที่ใช้ก่อเหตุ