*พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ มีผลบังคับใช้แล้ว หวังช่วยลดความไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ*

การเสวนาเวทีสาธารณะ ตามพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ.2558 ในหัวข้อ เรามาถึงแล้ว ไม่เลือกเพศ ไม่เลือกปฏิบัติ  โดยคณะอนุกรรมกรรมาธิการกิจการสตรี ร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ อาคารรัฐสภา2  นางสุวรรณี สิริเวชชะพันธ์ รองประธานคณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)กล่าวว่า เนื่องจากในปัจจุบันไม่มีมาตราการป้องกันการเลือกปฏิบัติ โดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศที่ชัดเจน ส่งผลให้บุคคลที่ถูกเลือกปฏิบัติไม่ได้รับความคุ้มครองและความเป็นธรรมเท่าที่ควร ซึ่งสอดคล้องกับหลักการสิทธิมนุษยชนสากล จึงมีการจัดทำพระราชบัญญัติฉบับนี้ขึ้น โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน 2558 ซึ่งมีวัตถุประสงค์ดังนี้ เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจที่แท้จริงในสาระสำคัญของกฎหมาย/เพื่อเตรียมความพร้อมของบุคคลทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการปฏิบัติตามกฎหมาย/รณรงค์และสร้างความตระหนักให้กับทุกภาคส่วนในการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ โดยมีบทลงโทษกรณีฝ่าฝืน ทั้งจำคุกและปรับ อีกทั้งยังมีกองทุนส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ เพื่อชดเชยและเยียวยาให้กับผู้เสียหาย

ด้านนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ประธานคณะกรรมการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส สนช. กล่าวว่า เนื่องจากยุคนี้เป็นยุคที่มีความโชคดี ที่สามารถทำให้กฎหมายที่คนไทยรอคอยกันมานาน เช่นเป็น พระราชบัญญัติการทารุณกรรมสัตว์ พระราชบัญญัติงาช้าง และครั้งนี้ถึงพระราชบัญญัติความเท่าเทียมทางเพศ ซึ่งพระราชบัญญัติฉบับนี้ ได้เชิญ บุคคลหลากหลายเข้ามาร่วมเสวนาและแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะบางประเภท เนื่องจากยังมีบางสิ่งที่กระทบต่อความมั่นคง และมักจะเผชิญกับหลากหลายถ้อยคำ คือ สิทธิ ความเท่าเทียม และสัดส่วน ที่นำมาสู่การเลือกปฏิบัติ นอกจากนี้จุดอ่อนของกฎหมายอยู่ที่การบังคับใช้ เนื่องจากยังมีมาตรฐานการตีความที่แตกต่าง และยังเน้นปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมประเพณีที่อ้างกันมาอย่างยาวนาน จึงอาจเป็นช่องว่างที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ นายวัลลภ ฝากถึงคณะกรรมการวินิจฉัย ให้ช่วยนำประเด็นที่มีการถกเถียงกันอยู่ในขณะนี้มาผลักดันและใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ผู้สื่อข่าว:พนิตา สืบสมุทร