จากกรณีที่สื่อนำเสนอข่าวว่า พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ว่าเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์เกิดจากไทยส่งตัวอุยกูร์ 109 คนกลับจีนนั้น พล.ต.อ. สมยศ เปิดเผยว่า ตัวเองไม่ได้ระบุเหตุเช่นนั้น แต่บอกว่าเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ เกิดจากทางการไทยมีการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง ทำให้กระทบต่อธุรกิจการค้ามนุษย์ที่มีมายาวนาน เนื่องจากการที่ทางการไทยส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศนั้น ส่งกลับทั้งประเทศตุรกีและประเทศจีนตามการพิสูจน์สัญชาติ ยืนยันเป็นไปตามขั้นตอนหลักกฎหมายระหว่างประเทศที่เป็นสากล หรือสนธิสัญญาที่ระหว่างประเทศมีต่อกัน
สำหรับทีมสืบสวนนำโดยพล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย ก็เพื่อประสานงานขอข้อมูลที่คาดว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิด ไม่ได้ไปรับตัวผู้ต้องสงสัย เนื่องจากยังไม่ทราบว่าทางมาเลเซียจับกุมผู้ต้องสงสัยในข้อหาอะไร เบื้องต้นแค่ตั้งข้อสงสัยว่าผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คน อาจมีความเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำชาวอุยกูร์เข้าประเทศมาเลเซียโดยผิดกฎหมายเท่านั้น
ในส่วนของนายอาบูดูซาตาร์ อบูดูเระห์มาน หรืออิซาน ผู้ต้องหาคดีระเบิดคนสำคัญที่ถูกออกหมายจับ ซึ่งทางตุรกีออกมาปฏิเสธว่านายอิซานไม่ได้เดินทางเข้าไปในประเทศตุรกี พล.ต.อ. สมยศ กล่าวว่าเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ก็ต้องขอความร่วมมือไปยังประเทศต่างๆ ที่มีกระแสข่าวว่านายอิซานเดินทางไปยังประเทศนั้นๆ เพื่อติดตามตัวให้ได้ ยังไม่สามารถระบุได้ว่านายอิซานอยู่ที่ประเทศตุรกีหรือไม่ เนื่องจากนายอิซานอาจให้ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงเนื่องจากต้องการหลบหนี ทั้งนี้ก็อาจเข้าไปยังประเทศตุรกีแบบไม่ปรากฏหลักฐานที่ถูกต้อง จึงทำให้ประเทศตุรกียังไม่สามารถตรวจพบได้
นอกจากนี้ พล.ต.อ. สมยศ ยังปฏิเสธถึงกรณีที่มีการโพสเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างระบบเครื่องที่ใช้ตรวจสอบความถูกต้องของใบหน้ามนุษย์ Face Recognition โดยกล่าวว่า ทำตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี ยืนยันไม่ได้ขัดขวางการสั่งซื้อเครื่องดังกล่าวตามที่ถูกกล่าวหา
ส่วนกรณีที่พล.ต.อ. ชัจจ์ กุลดิลก อดีตรัฐมนตรีช่วยกระทรวงคมนาคม ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับพล.ต.อ. สมยศในการแฉพฤติกรรมการทุจริตสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อสร้างอำนาจต่อรองในการโยกย้ายให้เด็กในสังกัดสามารถลงแทนตำแหน่งได้นั้น พล.ต.อ. สมยศ กล่าวสั้นๆว่า ตัวเองไม่ได้สนใจในเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าว:สมจิตร์ พูลสุข