เมืองไทยฯ(2):บีโอไอและวิทย์ฯร่วมมือยกระดับผู้ประกอบการ/พาณิชย์เจรจาลดราคาสินค้า/นาซายืนยันอุกกาบาตตกไทรโยคเมื่อ7กันยายน*

15 กันยายน 2558, 08:24น.


เมื่อวานนี้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ลงนามความ ร่วมมือการส่งเสริม และสนับสนุนภาคเอกชนด้านการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) กับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในมาตรการ ส่งเสริมและกระตุ้นให้เกิดการลงทุนวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมของภาคเอกชน ซึ่งคณะกรรมการบีโอไออนุมัติเพิ่มระยะเวลาการยกเว้นภาษีจากปัจจุบันที่ให้มากที่สุด 8 ปี เพิ่มเป็น 13 ปี ให้กับอุตสาหกรรมเป้าหมายที่จำเป็นสำหรับประเทศไทย เพื่อให้สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้ รวมทั้งยังเพิ่มการลดหย่อนภาษีจากปัจจุบันที่ให้ร้อยละ 50 เพิ่มเป็นร้อยละ 90 ในเวลา 5 ปี หลังครบ 13 ปีแรก โดยเตรียมเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในเร็วๆ นี้ จากนั้นจะเสนอเข้าที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาแก้ไขกฎหมายต่อไป คาดมีผลบังคับใช้ได้ในปี 2559



ด้านนายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่าการลงนามความร่วมมือ เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่จะยกระดับขีดความสามารถผู้ประกอบการ และผลักดันให้ไทยออกจากประเทศกลุ่มรายได้ปานกลางเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ดังนั้นจะมุ่งเน้นการสนับสนุนด้านการวิจัยมากขึ้น โดยตั้งเป้าหมายให้เกิดการลงทุนจากภาครัฐและเอกชนให้ได้ร้อยละ 1 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ภายใน 1-2 ปีนี้ จากปัจจุบันมีการลงทุนเพียงร้อยละ 0.47 ของจีดีพี



บ่ายวันนี้ นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ จะประชุมร่วมกับภาคเอกชนเพื่อหาทางลดราคาจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค และลดภาระค่าครองชีพของประชาชน



ส่วนสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเปิดให้ประชาชนที่สนใจเป็นผู้ค้าสลาก ลงทะเบียนจองซื้อสลากได้ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขาทั่วประเทศ และผ่านเว็บไซต์สำนักงานสลากฯ



สมาคมนิคมอุตสาหกรรมไทยและพันธมิตร เปิด เผยว่า ยอดการขายนิคมอุตสาหกรรมภาพรวมของเอกชนปี 2558 คาดว่าจะลดลงจากปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่าร้อยละ 40-50 หรือเฉลี่ยไม่เกิน 2,500 ไร่จากปี ที่แล้วที่ยอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4,000 ไร่เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจไทยเองก็ชะลอตัว นอกจากนี้ล่าสุดยังมีปัญหาเรื่องสงครามค่าเงินทำให้การตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนทั้งไทย และต่างประเทศสำหรับโครงการใหม่ๆ แทบไม่เกิดขึ้นเลย



นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย กล่าวว่า สิ่งที่จะต้องจับตาคือภาวะอัตราแลกเปลี่ยน ของโลกที่ขณะนี้มีความไม่แน่นอนสูง และคาดเดาค่อนข้างยากซึ่งทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนในโครงการใหม่จนกว่าจะมั่นใจในทิศทางของภาวะเศรษฐกิจโลก



ส่วนข่าวอาชญากรรม พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี บังคับการกองปราบปราม รับมอบหลักฐานเพิ่มเติมคดีนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง จากครอบครัวของชูวงษ์และประชุมติดตามความคืบหน้าของคดี โดยให้ตำรวจลงพื้นที่รวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม แต่ยังรอผลการชันสูตรศพและเอกสารหลักฐานอื่นจาก สน.อุดมสุข ส่วนการตรวจสอบคดีโอนหุ้นมีความคืบหน้าไปกว่าร้อยละ 90 แล้ว และในวันที่ 17 กันยายนนี้ จะเรียกประชุมติดตามความคืบหน้าคดีอีกครั้ง เชื่อว่าภายในสัปดาห์นี้จะมีผลสรุป



ศาลจังหวัดหัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 7 คดีนายวันชัย แสงขาว อายุ 21 ปี จำเลยที่ 1 กับนายณัฐกรณ์ ชำนาญ จำเลยที่ 2 ในข้อหากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ปกปิดการกระทำผิดซ่อนเร้นอำพรางศพ หลังก่อเหตุฆ่าข่มขืน เด็กหญิงอายุ 13 ปี บนขบวนรถเร็วที่ 174 ระหว่างนครศรีธรรมราช-กรุงเทพ แล้วโยนศพลงทางหน้าต่างรถไฟ บริเวณ ต.วังก์พง อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เหตุเกิดกลางดึกวันที่ 6 กรกฎาคม 2557 ซึ่งเมื่อวานนี้ มีเพียงนายวันชัย จำเลยที่ 1 มาฟังคำตัดสินเพียงคนเดียว ซึ่งผู้พิพากษาอ่านคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2557  ให้ประหารชีวิตนายวันชัย จำเลยที่ 1 เนื่องจากมีพฤติกรรมเหี้ยมโหด แม้ว่าจำเลยให้การรับสารภาพทุกข้อหา แต่ไม่มีเหตุบรรเทาโทษเนื่องจากจำนนด้วยหลักฐาน และไม่จำเป็นต้องฟังเหตุผลจากจำเลยที่ 1 ซึ่งได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาประหารชีวิตของศาลชั้นต้นโดยอ้างว่า สำนึกผิดแล้วที่ทำไปเพราะความคึกคะนอง ขาดความยั้งคิด ทั้งยังให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี จึงขอให้ศาลปรานีบรรเทาโทษและลงโทษสถานเบา จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวส่งกลับไปที่เรือนจำบางขวาง



อย่างไรก็ตาม นายวันชัย ยังมีสิทธิ์ยื่นฎีกาตามกฎหมายภายใน 1 เดือน



ส่วนนายณัฐกรณ์ จำเลยที่ 2 ซึ่งศาลจังหวัดหัวหินมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2557 ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์คดี โดยยอมรับโทษจำคุก 4 ปี ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำประจวบคีรีขันธ์



ส่วนเหตุลูกไฟที่พุ่งลงสู่พื้นโลก เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ 7 กันยายนซึ่งมีผู้พบเห็นในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ทางองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ นาซา แห่งสหรัฐอเมริกา ยืนยันว่าเป็นอุกกาบาต ซึ่ง ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สดร. เปิดเผยว่าเป็นการยืนยันจากนาซา และจากการลงพื้นที่สำรวจข้อมูลที่ จ.กาญจนบุรี พบหลักฐานซึ่งเป็นวัตถุจากนอกโลกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3.5 เมตร มีมวลประมาณ 66 ตัน พุ่งเข้ามาในบรรยากาศโลกด้วยความเร็วประมาณ 75,600 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีความสว่างที่สุดในขณะอยู่สูงจากพื้นโลกประมาณ 29.3 กิโลเมตร พลังงานการชนกับบรรยากาศของวัตถุมีค่าเทียบเท่าการระเบิดของทีเอ็นที  3,900 ตัน หรือ 1 ใน 4 ของระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมา ทิศทางการเคลื่อนที่มุ่งไปทางตะวันตกที่มุมอะซิมุท 269.8 องศา มุมเอียงของการชนเทียบกับพื้นโลก 45.4 องศา คาดว่าพื้นที่ที่อาจมีอุกกาบาตหรือชิ้นส่วนของลูกไฟตกจะอยู่บริเวณอุทยานแห่งชาติไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี และกินพื้นที่เป็นวงกว้างเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 30 กิโลเมตร ซึ่งเป็นลูกไฟขนาดใหญ่ที่สุดที่พุ่งเข้ามาในบรรยากาศโลกในรอบปีที่ผ่านมา และขอยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ปกติที่อธิบายได้



..

ข่าวทั้งหมด

X