เมืองไทยฯ(1): ประชุมแม่น้ำสามสาย/มาเลเซียคุม3ผู้ต้องสงสัย3เหตุระเบิดพระพรหม/เสนอแนวคิดตั้งกระทรวงความมั่นคง*

15 กันยายน 2558, 07:27น.


การประชุมร่วมแม่น้ำสามสวย คือ คณะรัฐมนตรี (ครม.) , คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ร่วมด้วย สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในวันนี้ มีการเสนอแต่งตั้งปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เลขาธิการ สศช. และอธิบดีกรมชลประทาน รวมถึง ติดตามรายชื่อของประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ พร้อมด้วยบัญชีรายชื่อสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปที่จะมีจำนวนไม่เกิน 200 คน



โดยในการแต่งตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จำนวน 21 คน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุจะมีการหารือในสัปดาห์นี้ ส่วนสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) จะมีนักการเมืองเข้าไปร่วมด้วยหรือไม่นั้นก็แล้วแต่ว่าจะมาหรือไม่ แต่สำหรับ กรธ.คงไม่ต้องมีนักการเมือง เพราะพรรคการเมืองมีมากถึง 77 พรรค ถ้าเอาเข้าไปเดี๋ยวจะร่างกันไม่ได้สักที



ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติก็มีความเป็นไปได้ที่อาจจะนำเอารัฐธรรมนูญทั้งปี 2540และ 2550 รวมถึงร่างของ กมธ.ยกร่างฯ ที่ตกไปมาปรับใช้เพราะทุกฉบับก็มีส่วนที่ดี



ในวันนี้ เจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ของคสช.จะปล่อยตัวนายพิชัย นริพทะพันธุ์ เนื่องจากครบกำหนด 7 วัน ส่วนวันที่ 17 กันยายน จะครบกำหนดการควบคุมตัว นายการุณ โหสกุล



ส่วนเรื่องเหตุระเบิดเมื่อเดือนสิงหาคม ซึ่งพล.ต.อ.คาลิด อะบู บาการ์ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซียว่า เปิดเผยผลการจับกุมผู้ต้องสงสัย 3 คนที่อาจเกี่ยวโยงกับเหตุการณ์วางระเบิดเมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา เป็นชายชาวปากีสถาน 1 คน ชายชาวมาเลเซีย 1 คน และหญิงชาวมาเลเซีย 1 คน ซึ่งเป็นการจับกุมตามการรับแจ้งเบาะแสจากทางการไทย แต่มาเลเซียยังไม่มีแผนจะส่งตัวให้ตำรวจไทย



พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงการติดตามตัวนายอาบูดูซาตาร์ อะบูดูเระห์มาน หรืออิซาน อายุ 27 ปี สัญชาติจีนผู้ต้องหารายที่ 12 คดีร่วมกันมีวัตถุระเบิดในครอบครอง ว่าเป็นเรื่องของชุดสืบสวนที่ต้องตรวจสอบว่าหลบหนีไปอยู่ที่ประเทศใด ซึ่งมีเบาะแสว่าไปปากีสถาน ก็ต้องขอข้อมูลจากปากีสถานเดินทางไปจริงหรือไม่ นอกจากนี้ยังให้เพิ่มการเฝ้าระวังการลอบก่อเหตุรุนแรงในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ซึ่งเป็นวันชาติจีน



พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ทางสถานทูตบังกลาเทศแจ้งว่าเดินทางออกจากกรุงธากา ประเทศบังกลาเทศ เมื่อวันที่ 30 สิงหาคมไปยังกรุงเดลี ประเทศอินเดีย จากนั้นก็เดินทางต่อไปยังกรุงอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และกรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกีแล้ว โดยเป็นการเดินทางต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคมและถึงปลายทางประเทศตุรกีในวันที่ 31 สิงหาคม ใช้หนังสือเดินทางเล่มเดียว ซึ่งก็จะต้องประสานกับสถานทูตประเทศตุรกีเพื่อให้ช่วยตรวจสอบข้อมูลต่อไป



ทหารชุดปฏิบัติการจากกองพัน ร.มทบ.11 นำตัวนายอาเดม คาราดัก หรือนายบินลา เติร์ก มูฮัมหมัด และนายเมียไรลี ยูซุฟู 2 ผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับคดีเหตุระเบิดออกจากแดนคุมขัง 6 เพื่อไปควบคุมตัวไว้ที่เรือนจำชั่วคราว แขวงถนนนครไชยศรี มณฑลทหารราบที่ 11 ระหว่างการดำเนินคดี โดยทนายความของผู้ต้องหาเปิดเผยว่า นายอาเดมยอมรับเป็นชาวตุรกี  ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย ผ่านทางประเทศเวียดนามและลาว ถึงประเทศไทยวันที่ 24 สิงหาคม 2558 และถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัววันที่ 29 สิงหาคม โดยปฏิเสธว่าไม่รู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับส่วนประกอบวัตถุระเบิด อ้างว่า เนื้อหาของข่าวที่ปรากฏในช่วงที่ผ่านมานั้นเกิดจากการสื่อสารที่ผิดพลาด



ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยว่ารัฐบาลมีแนวความคิดจะตั้งกระทรวงความมั่นคง โดยมีโครงสร้างการทำงานเหมือนกับกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิขอสหรัฐอเมริกาที่ตั้งขึ้นหลังเหตุการณ์ก่อการร้ายในปี 2544 ซึ่งจะมีการโอนหน่วยงานด้านความมั่นคงและหน่วยงานด้านการข่าวเข้ามาอยู่ในกระทรวงนี้ เพื่อสนับสนุนภารกิจหลักในการสร้างความมั่นคง ดูผลประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติ



และกรณีอุบัติเหตุเครนก่อสร้างล้มในบริเวณมัสยิดอัลหะรอม นครเมกกะ ซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 107 ราย และบาดเจ็บ 237 คน ซึ่งสำนักงานกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย แจ้งว่าพบผู้แสวงบุญชาวไทยที่สูญหายแล้ว โดยทั้ง 2 คนได้รับบาดเจ็บและรับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ขณะนี้ได้แจ้งให้ญาติรับทราบแล้ว ส่วนผู้เสียชีวิต 1 รายมีการประกอบพิธีทางศาสนาแล้ว นอกจากนี้ ยังเตรียมความพร้อมรับผู้แสวงบุญที่ทยอยเดินทางกลับมาเที่ยวแรก วันที่ 28 กันยายนนี้



โดยเมื่อวันที่ 13 กันยายน นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรีได้เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ "อะมีรุ้ลฮัจย์" ในนามหัวหน้าคณะ ผู้แทนฮัจย์ทางการของประเทศไทย ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย เพื่อดูภาพรวมความเรียบร้อยของผู้ประกอบพิธีฮัจย์ทั้งหมด พร้อมทั้งได้เข้าเยี่ยมและให้กำลังใจผู้แสวงบุญที่บาดเจ็บ ตลอดจนการประสานเจ้าหน้าที่เพื่อประกอบพิธีทางศาสนาที่มัสยิดหะรอมและฝังร่างผู้เสียชีวิตไว้ที่ซาอุดีอาระเบีย



*-*

ข่าวทั้งหมด

X