นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เรียกร้องให้สหรัฐฯรื้อฟื้นเรื่องการประสานงานกันโดยตรงระหว่างกองทัพรัสเซียและสหรัฐฯ เพื่อเลี่ยงเหตุปะทะโดยไม่ตั้งใจใกล้ประเทศซีเรีย ในช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯระบุว่า รัสเซียเพิ่มการจัดส่งทั้งกำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ไปช่วยปกป้องรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัลอัสซาดของซีเรีย สหรัฐฯเป็นแกนนำในการโจมตีทางอากาศไปยังที่มั่นกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส)ในซีเรีย และการที่รัสเซียส่งกำลังทหารไปประจำการในซีเรียมากขึ้นเพิ่มโอกาสที่ 2 มหาอำนาจคู่ขัดแย้งในยุคสงครามเย็นจะเกิดเหตุเผชิญหน้ากันในสมรภูมิรบ
ทั้งรัสเซียและสหรัฐฯเห็นตรงกันว่า ศัตรูของพวกเขาคือ กลุ่มไอเอส แต่จุดต่างคือ รัสเซียต้องการหนุนหลังรัฐบาลของนายอัสซาด ขณะที่สหรัฐฯมองว่า การปล่อยให้นายอัสซาดยื้ออำนาจอยู่ต่อไปจะทำให้การแก้ไขปัญหาวิกฤติในซีเรียไม่มีทางสำเร็จ นายลาฟรอฟ กล่าวว่า รัสเซียได้ส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ไปช่วยกองกำลังรัฐบาลซีเรียเพื่อปราบปรามกลุ่มไอเอส ทหารรัสเซียที่อยู่ในซีเรียในขณะนี้ส่วนใหญ่ทำหน้าที่ให้คำแนะนำแก่ทหารซีเรียเรื่องวิธีการใช้อาวุธที่รัสเซียส่งไปให้ตามสัญญาซื้อขายเดิม
นอกจากนี้ รัสเซีย ได้ซ้อมรบทางเรือทางตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นายลาฟรอฟ กล่าวว่า มีการวางแผนมานานแล้ว และดำเนินการไปตามกรอบของกฎหมายระหว่างประเทศ สำหรับสงครามกลางเมืองในซีเรียตลอด 4 ปี มีคนเสียชีวิตแล้ว 250,000 ศพ ทำให้คนราวครึ่งหนึ่งจากประชากรทั้งหมด 23 ล้านคนต้องละทิ้งถิ่นฐาน หลายคนต้องอพยพไปยังประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป(อียู) ทำให้เกิดปัญหาวิกฤติผู้อพยพในยุโรปในขณะนี้
ทีมต่างประเทศ
CR:แฟ้มภาพ