การเชิญตัวนายเก่งการุณ โหสกุล อดีต ส.ส.ดอนเมือง พรรคเพื่อไทย เข้าปรับทัศนคตินั้น พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มองว่า มีแนวโน้มในการสร้างความเข้าใจผิด ซึ่งในเรื่องนี้มีกฎหมายดูแลอยู่แล้ว เพราะปัญหาเกิดขึ้นเพราะคนไม่เคารพกฎหมาย ย้ำว่า ใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดไม่ใช่กับฝ่ายตรงข้าม ส่วนนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ให้อภัยมาหลายครั้งแล้ว และกำลังอยู่ในขั้นพิจารณาหากคุยไม่รู้เรื่องก็ต้องดำเนินคดีเพราะสิ่งทีทำนั้นผิดกฏหมาย มีความเมตตาเหมือนในเรื่องสามก๊ก ขอร้องอย่ามาต่อต้านให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด เพราะได้ทำทุกอย่างให้ทุกคนและไม่เคยฝืนกระบวนการประชาธิปไตยในอนาคต พร้อมย้อนถามกลับว่าจะมารังเกียจตนเองได้อย่างไร ตนเองเข้ามาทำหน้าที่ได้ 2 ปีแล้ว เบื้องต้นได้มีการควบคุมตัวนายเก่งการุณ 7 วันตามกฏหมาย ข้อหาที่ทำให้เกิดความไม่สงบหลังจากนั้นจะอยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารทำหน้าที่แค่เชิญตัวมาเท่านั้น ขณะเดียวกันยืนยันว่าใช้กฏหมายตามปกติเพราะพิจารณาแล้วคำพูดมีความผิดจริง จึงขอให้ความเป็นธรรมกับคนทำงานบ้าง
ส่วน การคัดเลือกประธานและ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้มีรายชื่อประธานฯและกรรมการร่างฯ ไว้ในใจแล้ว ซึ่งนำไปหารือกับคณะทำงานและ คสช.ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ ส่วนโควต้าให้นักการเมืองเข้ามาร่วมในสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศนั้น ต้องถามว่าจะมีใครเข้าร่วมหรือไม่ หากมีก็ขอให้เสนอมาซึ่งจะเป็นผู้พิจารณาด้วยตนเอง หากไม่เข้ามาก็ขออย่าวิจารณ์รัฐธรรมนูญ
ด้าน การตั้งกระทรวงความมั่นคง ขณะนี้ยังไม่ได้มีการวางกรอบและเรื่องยังไม่ถึงตนเอง ซึ่งอาจเป็นความคิดในการรวมหน่วยงานความมั่นคงเข้าด้วยกัน ปัญหาอยู่ที่การปรับโครงสร้างแต่มองว่าสถานการณ์ขณะนี้ควรพัฒนาประชาชนและเจ้าหน้าที่ก่อน แม้ตำรวจต้องการเข้ามาอยู่สังกัดเดียวกับทหารก็ตาม พร้อมปฏิเสธถึงปัญหาเกี่ยวกับหน่วยข่าวกรองว่า หน่วยข่าวกรองทุกหน่วยมีการประชุมร่วมกันอยู่แล้วทุกเดือน ซึ่งการทำงานหน่วยข่าวกรองเป็นงานซับซ้อน ไม่ใช่เพราะทำงานที่ผิดพลาด ทั้งเพื่อเตรียมรับมือกับความไม่สงบ และป้องกันการเกิดเหตุ แต่ประชาชนจะต้องช่วยเป็นหูเป็นตาอีกทางหนึ่งไม่ใช่เชื่อแต่การข่าวเท่านั้น