สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาขณะนี้ ก่อนที่จะสิ้นสุดฤดูฝนในเดือนตุลาคม นายณรงค์ ลีนานนท์ รองอธิบดีกรมชลประทาน ฝ่ายบริหาร เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำใน 4เขื่อนหลัก คือ เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนภูมิพล เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ปริมาณน้ำตอนนี้อยู่ที่ 2,100ล้านลูกบาศก์เมตร คาดการณ์ว่าก่อนที่จะสิ้นฤดูฝนในช่วงปลายเดือนตุลาคมปริมาณน้ำน่าอยู่ที่ 3,600ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ขึ้นอยู่กับปริมาณของฝนที่จะตกลงมาด้วย
แบ่งเป็นน้ำในปีหน้าที่จำเป็นใช้ด้านอุปโภค บริโภคอยู่ 1,100ล้านลูกบาศก์เมตร ,ใช้เพื่อรักษาระบบนิเวศ 1,400ล้านลูกบาศก์เมตร และต้องเตรียมน้ำสำรองในช่วงต้นฤดูฝนปีหน้าระหว่างเดือนพฤษภาคม -มิถุนายน อีก 1,000ล้านลูกบาศก์เมตร ด้านการเกษตรถ้าปริมาณน้ำมีน้อยก็อาจจะมีการลดจ่ายน้ำให้ภาคการเกษตร ซึ่งกรมชลประทาน จะส่งเสริมการปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย และพืชผักสวนครัวทดแทน
ส่วนแนวทางการป้องในภาพรวม จะรณรงค์ให้ประชาชนประหยัดน้ำ ด้านการช่วยเหลือเกษตรกร เรื่องการจ้างงาน เพื่อบรรเทาความเดือนร้อน การดำเนินการจ้างงานปี58จ้างงานไปกว่า 1แสนกว่าคน ส่วนการทำแหล่งน้ำแก้มลิง ที่ในงบประมาณเพิ่มเติมปี 58 ก็ดำเนินการขุดแหล่งน้ำไปแล้วกว่าร้อยละ50 ของแผนงาน
ในวันนี้ กรมชลประทาน ได้จัดสัมนาเชิงปฏิบัติการ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กลยุทธ์การมีส่วนร่วม ในหัวข้อ "อนาคตกรมชลประทานจะเป็นอย่างไร? ถ้า..!! รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่าภาพรวมการสถานการณ์น้ำในปัจจุบันทีมีทั้งน้ำท่วมและน้ำแล้ง ซึ่งส่งผลกระทบไปในทุกภาคส่วน จึงอยากรับฟังความคิดเห็นของภาคประชาชน ภาคเอกชน อุตสาหกรรม ว่าคิดเห็นอย่างไร หรืออยากให้กรมชลฯดำเนินการอย่างไร เพื่อวางแผนในการสร้างระบบชลประทานของประเทศในอนาคตให้ความมั่นคง เบื้องต้นการเสวนานี้ ได้รับคำแนะนำว่า กรมชลประทานควรปรับเปลี่ยนบทบาท เปลี่ยนวิธีคิด แนวคิดในการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งรัฐบาลได้นำเรื่องน้ำขึ้นเป็นวาระแห่งชาติแล้ว