*รอบวัน(2):นายกฯ คิกออฟยุทธศาสตร์ศก.ฐานราก20ก.ย./กองปราบประชุมคดีเสี่ยชูวงษ์14ก.ย.*

11 กันยายน 2558, 08:12น.


+++การกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี หารือตัวแทนเครือข่ายภาคประชาสังคมถึงแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก วงเงิน 1.3 แสนล้านบาท โดยสรุปจะมีการคิกออฟยุทธศาสตร์สานวงเงิน 1.3 แสนล้านบาท โดยสรุปจะมีการคิกออฟยุทธศาสตร์สานพลังประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐาน ราก ในวันที่ 20 ก.ย.นี้ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานเปิดงาน



+++นพ.พลเดช ปิ่นประทีป เลขา ธิการสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา เปิดเผยว่า ยุทธศาสตร์นี้จะต่อยอดยุทธศาสตร์ 5 ด้านของรัฐบาล คือ กองทุนหมู่บ้าน  โครงการพัฒนาตำบล เร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณ โครงการลงทุนขนาดเล็กของภาครัฐ และการส่งเสริมธุรกิจเอสเอ็มอีผ่านธนาคารของรัฐ  นพ.พลเดช กล่าวว่า แต่ละโครงการจะไม่ให้เป็นประชานิยม โครงการจะไม่ให้เป็นประชานิยม เงินที่ลงไปต้องผ่านการกลั่นกรองและตรวจสอบให้เกิดประโยชน์ หรือเป็นการลงทุนทางสังคมให้ชุมชนเข้มแข็ง เช่น พัฒนาชุมชนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว จึงจะตั้งเวทีสาธารณะระดับอำเภอให้ภาคสังคมในชุมชนท้องถิ่นเข้าร่วมตรวจสอบเม็ดเงินว่าได้สร้างประโยชน์อย่างไร



+++นายกรัฐมนตรี ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ครั้งที่ 3/2558 ที่ทำเนียบรัฐบาล ต้องจับตาดูแผนขับเคลื่อนตามนโยบายที่รัฐบาลได้ประกาศไปแล้ว



+++ดัชนีความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจเอสเอ็มอีในไตรมาส 3/2558 นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ธุรกิจเอสเอ็มอีร้อยละ 58 เริ่มประสบปัญหาขาดแคลนสภาพคล่องอย่างหนักหากไม่มีเงินเข้ามาหมุนเวียน ส่วนใหญ่จะประคองกิจการได้ 4 เดือน หรือไม่เกินสิ้นปีนี้ โดยปัญหามาจากยอดขายสินค้าลดลง, ลูกค้าเบี้ยวหนี้หรือจ่ายเงินช้า, ไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ และเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้ลำบาก เป็นต้น เอสเอ็มอี ต้องการเรื่องสภาพคล่องพบว่าจำนวนมากมีข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ โดยพบว่าผู้ที่ขอกู้เงินแต่ไม่ได้รับอนุมัติถึงร้อยละ 71.9 ขณะเดียวกันก็ยังพบว่าเอสเอ็มอีจำนวนมากก็ยังไม่เข้าไปขอสินเชื่อโดยเหตุผลมาจากมั่นใจว่าจะไม่ได้รับอนุมัติจึงไม่ยื่นกู้, ไม่มีเอกสารรายการเดินบัญชี, ไม่มีหลักประกัน, ไม่มีเอกสารการทำธุรกิจกับคู่ค้า"



+++สำหรับปัจจัยบวกที่มีผลต่อภาวะเศรษฐกิจของเอสเอ็มอี คือ รัฐบาลได้ประกาศให้เอสเอ็มอีเป็นวาระแห่งชาติ, ครม.ชุดใหม่มีมาตรการที่ชัดเจนในการช่วยเหลือหรือสนับสนุนเอสเอ็มอี, สถานการณ์ทางการเมืองมีประสิทธิภาพ, นโยบายการเงินผ่านการใช้ดอกเบี้ยต่ำ, การค้าชายแดนและการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้น, นโยบายการคลังมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ



+++นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประชุมความร่วมมือด้านรถไฟไทย-จีน ครั้งที่ 7 กับตัวแทนฝ่ายจีนต้องติดตามความคืบหน้า ของกรอบความร่วมมือระหว่างสองประเทศ



+++นางลัษมณ อรรถาพิช เศรษฐกรอาวุโส ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) สำนักงานผู้แทนประจำประเทศไทย กล่าวว่า ใน วันที่ 22 ก.ย.นี้ เอดีบีจะปรับประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยลงเหลือร้อยละ 2.9-3 และปรับลดคาดการณ์การส่งออกจากร้อยละ 0 เป็นติดลบ เนื่องจากเศรษฐกิจในครึ่งปีแรกชะลอตัวและเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว



+++ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกในกรอบแคบๆ ได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นแอปเปิลและกลุ่มไบโอเทค ท่ามกลางความกังวลต่อผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ในสัปดาห์หน้า ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 76.83 จุด ปิดที่ 16.330.40 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 10.25 จุด  ปิดที่ 1,952.29 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 39.72 จุด  ปิดที่ 4,796.25 จุด หุ้นของแอปเปิล เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 ปิดที่ 112.57 ดอลลาร์ต่อหุ้น ฟื้นตัวจาก 1 วันก่อนหน้านี้ที่ร่วงลงอย่างหนัก ตามหลังการเปิดตัว ไอโฟนใหม่ iPhone 6S และ iPhone 6s Plus ไม่เป็นที่ประทับใจนักลงทุน



+++น้ำมันโลกพุ่งแรง หลังพบกำลังผลิตสหรัฐฯลด น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 1.77 ดอลลาร์ ปิดที่ 45.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.31 ดอลลาร์ ปิดที่ 48.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล



+++ราคาทองคำ ขยับขึ้นพอสมควร ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน ด้วยนักลงทุนหันถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 7.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,109.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์



+++นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในสัปดาห์หน้า คาดว่าจะเป็นการคงดอกเบี้ย กนง.มีการคาดหมายว่า กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 1.5 จนถึงสิ้นปี  เงินบาทอาจอ่อนค่าลงไปได้ถึง 38 บาท/เหรียญสหรัฐฯ ในสิ้นปี 2559 จากปัจจัยการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ และการอ่อนค่าของเงินหยวน



+++กรณีมือปืนยิงนายสมยศ สุธางค์กูร อดีตเจ้าของพระราม 9 คาเฟ่ เสียชีวิตบริเวณลาดจอดรถร้านอาหารเฮงหูฉลาม สาขาถนนพัฒนาการ เขตสวนหลวง เมื่อค่ำวันที่ 29 มิถุนายน ต่อมาตำรวจจับกุมนายภาณุพงษ์ หรือแจ้ รัสนา มือปืน นายชม ไชยณรงค์ หรืออาจารย์ นายกฤษฎา ใจเอม หรือนก ผู้รับงานและจัดหามือปืน และนายมนตรี เจริญรัตน์ ผู้จัดหาอุปกรณ์ในการก่อเหตุ แจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยมีและใช้อาวุธปืนนั้นเมื่อวันที่ 10 กันยายน ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายกำลังเร่งรัดติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือ รวมถึงผู้บงการที่เป็นผู้ใช้จ้างวาน จากหลักฐานที่ได้รับรายงานพบว่ายังมีบุคคลอีก 2-3 คน เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี มีหลักฐานบ่งชี้ว่ามีความเกี่ยวข้องพอสมควรแล้ว ส่วนสาเหตุการสังหารยังคงเป็นเรื่องความขัดแย้งที่ผู้เสียชีวิตรับว่าจ้างให้ช่วยเหลือในการล้มคดียาเสพติด แต่ทำไม่สำเร็จ



+++นายชูวงษ์ หรือเสี่ยจืด แซ่ตั๊ง อายุ 50 ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตขณะที่ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ขับรถยนต์ยี่ห้อเลกซัส สีดำ ทะเบียน ภฉ 1889 กรุงเทพมหานคร ไปส่งบ้านพัก เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ต่อมาญาตินายชูวงษ์เข้าร้องเรียนกับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อขอรื้อคดีขึ้นมา สอบสวนใหม่ เนื่องจากยังติดใจการเสียชีวิตในหลายประเด็นนั้น รวมทั้งให้ช่วยตรวจสอบ หลังพบการโอนหุ้นของนายชูวงษ์มูลค่าเกือบ 300 ล้านบาท ให้ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล พริตตี้สาว และ น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล โบรกเกอร์สาวคนสนิทก่อนเสียชีวิต กระทั่งศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติหมายจับ พ.ต.ท.บรรยิน น.ส.ศรีธรา พรหมา น.ส.อุรชา และ น.ส.กัญฐณา โดยผู้ต้องหาทั้งหมดเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหา ล่าสุด น.ส. กัญฐณา ได้คลอดลูกชายออกมาแล้ว



+++พล.ต.ต.อัคราเดช  กล่าวถึง กรณีการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ไปยังบุคคลที่ 3  สอบสวนมีความ คืบหน้าไปกว่าร้อยละ 90 วันที่ 14 กันยายน จะเรียกประชุมคณะทำงานเพื่อสอบถามความคืบหน้าทั้งหมด  ส่วนกรณีการตรวจสอบการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ก็มอบหมายให้ พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รอง ผบก.ป.เป็นหัวหน้าคณะทำงาน มีการดำเนินการในส่วนต่างๆ ไปหลายส่วนแล้ว วันที่ 14 กันยายน จะประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าเช่นกัน



 

ข่าวทั้งหมด

X