+++ปัญหานมกล่องของโรงเรียนบ้านน้ำลี ต.ปิงหลวง อ.นาหมื่น จ.น่าน ที่องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)ปิงหลวงสั่งซื้อจากองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) โดยมีบริษัทเชียงใหม่เฟรชมิลค์ จำกัด และบริษัทยูเอ็มโภคภัณฑ์ จำกัด ตั้งอยู่ใน จ.ลำปาง เป็นผู้แทนจำหน่าย เน่าบูดเสียนับร้อยกล่อง ทั้งที่บนกล่องระบุวันหมดอายุ 21 ก.พ. 2559 นอกจากนี้ยังมีนมที่แจกนักเรียนโรงเรียนปิงใน และโรงเรียนปิงหลวง เน่าบูดลักษณะเดียวกัน จึงเก็บตัวอย่างนมส่งตรวจที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์เชียงรายเพื่อหาสาเหตุ โดยให้ 2 บริษัททำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงภายใน 3 วันพร้อมมาตรการแก้ไขปัญหา พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ สั่งการมิลค์บอร์ด เกษตรจังหวัด ปศุสัตว์จังหวัด และ อ.ค.ส. เร่งลงพื้นที่ดูข้อเท็จจริงหาสาเหตุให้ได้ชัดเจนว่าเกิดความผิดพลาดในขั้นตอนใด และดูปัญหาทั้งระบบ ทั้งสถานที่ ผลผลิต การเก็บรักษา การขนส่ง คุณภาพน้ำนม ต้องเร่งปรับปรุงกระบวนการทั้งหมด อีกทั้งสงสัยว่าทำไมจังหวัดอื่นจึงไม่เกิดปัญหานมบูด ได้สั่งการผู้บริหารกระทรวงด้วยว่าอย่าให้เกิดกรณีนมโรงเรียนบูดขึ้นมาอีก ผู้เกี่ยวข้องต้องหาผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ โดยให้รายงานผลทั้งหมดภายใน 2 วัน
+++ด้านนายสุชาติ จริยาเลิศศักดิ์ รองผอ.อ.ส.ค. ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นมหรือมิลค์บอร์ด เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รับรายงานจากบริษัทยูเอ็มโภคภัณฑ์ จำกัด ผู้จำหน่ายและส่งมอบนมโรงเรียนให้ อบต.ปิงหลวงว่า ได้จัดส่งนมใหม่ชดเชยให้ อบต.ปิงหลวง เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมแนวทางปรับปรุงแก้ไขให้ อ.ส.ค. ทราบภายในวันที่ 11 ก.ย. ในชั้นนี้พบขั้นตอนเก็บรักษาไม่ดีพอทำให้นมเสีย ส่วนรายละเอียดที่แน่ชัดจะรอผลการตรวจสอบก่อน สำหรับมาตรการเสริมช่วงปิดเทอมนี้ที่ต้องส่งนมกล่องให้เด็กไปทานที่บ้านจำนวนมากให้เด็ก 7 ล้านคน ต้องรับนมโรงเรียนแบบยูเอชที 140 ล้านกล่อง ซึ่งกรมปศุสัตว์ ได้ออกตรวจสต๊อกผู้ประกอบการนมโรงเรียนทั่วประเทศแล้วเพื่อเพิ่มมาตรการความมั่นใจในการบริโภคของนักเรียนที่ได้รับแจกนมดังกล่าว อีกทั้งได้ประสานกรมปศุสัตว์เพื่อตรวจเช็กสต๊อกนมทั่วประเทศของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการนมโรงเรียนทุกรายช่วงกลางเดือนนี้ด้วยเพื่อสร้างความมั่นใจแก่เด็กนักเรียน
+++การประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ครั้งที่ 5/2558 พล.อ..ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)กล่าวว่า ที่ประชุมรับทราบสถานการณ์ปัจจุบัน แผนการระบายข้าว แผนการตรวจสอบและจัดหาหลักฐานต่างๆ เรื่องคดีความที่ต้องทำให้ทันกำหนดเวลา ยืนยันว่าเราพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกภาคส่วน ส่วนความเสียหาย อย่าเพิ่งสรุปเป็นตัวเลขเพราะเมื่อเวลาต่าง ราคาการซื้อขายก็ต่างออกไป เมื่อบวกกับค่าบำรุงรักษาและดอกเบี้ยต่างๆ ทุกอย่างจะมีมูลค่าขึ้นทั้งหมด ยิ่งนานวันก็ยิ่งเสียหายมากขึ้น จึงจำเป็นต้องหาทางระบายข้าวให้เร็วที่สุดในคุณภาพต่างๆ รวมทั้งข้าวเสียและข้างกองล้มที่ตรวจสอบลำบาก นายกฯ ยืนยันว่าทุกอย่างที่ทำมีความละเอียดรอบคอบ อย่ากังวลว่าจะนำข้าวไม่ดีไปขาย ข้าวในส่วนที่ดีก็ยังดีอยู่ ส่วนที่ไม่ดีก็ต้องมีหลักฐานให้ชัดเจน ขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ การดำเนินการดังกล่าวไม่ง่าย แต่สิ่งที่สูญเสียคือขวัญและกำลังใจของข้าราชการ ซึ่งประเมินค่าไม่ได้ ทั้งเหน็ดเหนื่อย เสี่ยงคุกตะราง ถึงวันนี้ก็เสี่ยงเป็นมะเร็งปอดในการไปรื้อคลังต่างๆ ส่วนคดีต่างๆ ให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการและกระบวนการยุติธรรม
+++การแก้ไขปัญหาด้านการบินหลังจากที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) เข้ามาตรวจสอบและพบข้อบกพร่อง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กรมการบินพลเรือน (บพ.) ดำเนินการแก้ไขและเตรียมพร้อมรับมือกับการที่สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหภาพยุโรป (EASA) เข้ามาตรวจสอบสายการบินไทยในวันที่ 14 ก.ย. ส่วนสำนักบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) จะมาตรวจการแก้ไขข้อบกพร่องทั้ง 35 ข้อของ บพ. หากดำเนินการแก้ไขได้ตามที่กำหนดก็เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาหรือส่งผลต่อการประกาศลดระดับจากมาตรฐาน หรือ Category 1 ไปเป็นไม่ได้มาตรฐาน หรือ Category 2 สำหรับความคืบหน้าที่จะนำไปสู่การปลดล็อกธงแดงจาก ICAO ซึ่งรอขั้นตอนการตรวจสอบออกใบอนุญาตสายการบินใหม่ กระบวนการที่เปิดให้แต่ละสายการบินยื่นเอกสาร ซึ่งมีทั้งสิ้น 20 สายการบิน จาก 28 สายการบินที่เปิดทำการบินเส้นทางต่างประเทศ อยู่ในขั้นตอนการจัดส่งเอกสาร ซึ่งขยายเวลาให้ยื่นเอกสารถึงวันที่ 31 ต.ค.2558 นี้ จากนั้นจะเริ่มทำการตรวจสอบแต่ละสายการบินตั้งแต่ 1 พ.ย.นี้เป็นต้นไป ดังนั้นแผนดำเนินการจากเดิมจะแล้วเสร็จในเดือน ส.ค.2559 คาดว่าจะเร็วขึ้นเป็นเดือน เม.ย.2559 จากนั้นใช้เวลาอีก 1-2 เดือน ที่ ICAO จะตรวจสอบและประกาศผลได้
+++ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แถลงภาวะการ ซื้อขายหุ้นเดือน ส.ค. และแนวโน้มการลงทุนของดัชนีหุ้นไทยจะขึ้นถึง 1,400 จุด แล้วจะไปทางไหนต่อ สหรัฐฯจะขึ้นดอกเบี้ยเดือน ก.ย.นี้หรือไม่
+++ภาพรวมตลาดหุ้นไทย เมื่อวานนี้ ดัชนีปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง จนกระทั่งปิดซื้อขายที่ระดับ 1,396.29 จุดเพิ่มขึ้น 16.97 จุด มูลค่าการซื้อขายรวม 4.6 หมื่นล้านบาท นายพรเทพ ชูพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นปรับตัวบวก ค่อนข้างโดดเด่น ตามตลาดหุ้นในภูมิภาค หลังรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศนโยบายลดภาษีนิติบุคคล ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวบวกคึกคัก และปัจจัยในประเทศยังได้รับอานิสงส์การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทั้งสินเชื่อ เอสเอ็มอี และกองทุนหมู่บ้าน ภาวะตลาดหุ้นระยะถัดไปมองว่า ตลาดหุ้นไทยยังผันผวนและมีโอกาสโดนเทขายทำกำไรหลังเข้าใกล้ดัชนี 1,400 จุด ปัจจัยที่ต้องติดตามยังเป็นเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ โดยแนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง
+++การลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดาวโจนส์ ลดลง 239.11 จุด ปิดที่ 16.253.57 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 27.37 จุด ปิดที่ 1,942.04 จุด แนสแดค ลดลง 55.40 จุด ปิดที่ 4,756.53 จุด
โดยมีแอปเปิล เป็นตัวฉุดตลาดหนักที่สุด ปิดลบร้อยละ 1.9 หลังการเปิดตัวไอโฟนใหม่ iPhone 6S และ iPhone 6s Plus รวมถึงไอแพด โปรและอุปกรณ์เชื่อมต่อทีวี แอปเปิลทีวี (Apple TV) รุ่นใหม่ล่าสุด ไม่ประทับใจนักลงทุน ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังถูกฉุดจากหุ้นกลุ่มพลังงาน นำโดยเชฟรอน ที่ปิดลบถึงร้อยละ 2.5 ตามหลังราคาน้ำมันที่ร่วงลงหนักด้วย
+++น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 1.79 ดอลลาร์ ปิดที่ 44.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.94 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ จะเผยแพร่รายงานปิโตรเลียมรายสัปดาห์ในวันพฤหัสบดีท่ามกลางความคาดหมายของนักวิเคราะห์ที่เชื่อว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 4 กันยายน จะเพิ่มขึ้นอีก 2 แสน 50,000 บาร์เรล
+++ราคาทองคำ ร่วงลงแรงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน หลังการฟื้นตัวในตลาดทุนเอเชียและยุโรปและดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น เบี่ยงเบนนักลงทุนเมินเฉยต่อสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 19 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,102.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์
+++ความเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงที่เหลือของปีนี้ นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการ ศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยว่า มีโอกาสปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดใหม่ที่ 1,000-1,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสหรัฐฯ ปรับขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้ ปัจจัยดังกล่าวจะเป็นปัจจัยกดดันทองคำมากที่สุดในครึ่งปีหลัง ภาพรวมของราคาทองคำในตลาดโลก ยังอยู่แนวโน้มขาลงอย่างต่อเนื่อง แต่ราคาทองคำในประเทศได้รับผลกระทบที่น้อยกว่า จากการอ่อนค่าของค่าเงินบาท และมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่อง ทั้งนี้ แม้ช่วงที่เหลือของปีนี้ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำคือ การปรับเพิ่มขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ มากที่สุด แต่หากสหรัฐฯจะปรับขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว ใช่ว่าขาลงของราคาทองคำจะสิ้นสุด เพราะยังต้องติดตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะกลับมาจริงอย่างที่คาดไว้หรือไม่ หากยังมีการชะลอตัวอยู่อย่างทำให้ราคาทองคำจะผันผวนมากขึ้นได้ จนกว่าเศรษฐกิจโลกจะกลับมาฟื้นตัวชัดเจน
+++ในวันที่ 10-11 ก.ย.นี้ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เอเปก (เอเปกเอฟเอ็มเอ็ม) ครั้งที่ 22 ณ เมืองเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ โดยเตรียมเสนอแนวนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลที่มุ่งพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคตต่อสมาชิกเอเปก รวมทั้งเรื่องที่สำคัญและเร่งด่วน เช่น การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศและการดำเนินการของรัฐบาล รมว.คลังเอเปกจะหารือ 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโลกและทิศทางเศรษฐกิจในภูมิภาค