+++ติดตามการเคลื่อนไหวของพายุเอตาว สถานทูตไทยประจำกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ออกประกาศเตือนเรื่องไต้ฝุ่นเอตาว ที่พัดถล่มประเทศญี่ปุ่นว่า กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นออกประกาศเตือนพายุเอตาวที่เคลื่อนตัวเข้าทางตะวันออกของประเทศญี่ปุ่น ในช่วงเช้าวันที่ 9 กันยายน ส่งผลให้เกิดพายุฝนรุนแรงจนทำให้เกิดน้ำท่วมขัง จนถึงวันนี้ จากนั้นไต้ฝุ่นจะเคลื่อนตัวไปยังทะเลญี่ปุ่น ส่งผลให้สายการบินบางเที่ยวบินที่ท่าอากาศยานจูบุ จังหวัดไอจิ ถูกยกเลิก จึงขอเตือนให้ผู้ที่อาศัยบริเวณเขตจังหวัดไอจิ มิเอะ โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในอำเภอโทบะ มีคำสั่งอพยพกว่า 3,500 คน และอำเภออิเซะ กว่า 10,000 คน, ยามานาชิ ชิซึโอกะ และคานากาวะ ให้ระวังภัยดินถล่ม พายุไต้ฝุ่นและคลื่นสูง รวมถึงให้ติดตามประกาศจากทางการญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด
+++กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า จากเหตุการประท้วงในประเทศตุรกี ได้ตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวกับสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงอังการา ประเทศตุรกีแล้ว ทราบว่า เป็นการประท้วงกันเองภายในประเทศตุรกีแถบชายแดนประเทศอิรัก ระหว่างกบฎชาวเคิร์ด กับ ฝ่ายรัฐบาลตุรกี สถานทูตไทย ออกประกาศเตือนคนไทยให้ระมัดระวังตัว ยืนยันว่า ไม่มีคนไทยได้รับบาดเจ็บ ส่วนรายงานที่ว่ามีบ้านพักอาศัยของคนไทยในเมืองอลันยาถูกลูกหลง สถานทูตฯ แจ้งว่าได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยจากการที่ผู้ประท้วงขว้างปาหินและสิ่งของ พร้อมกับยืนยันว่าคนไทยไม่ได้เป็นเป้าหมายการประท้วง
+++ เหตุรุนแรงระหว่างกองทัพตุรกีกับกลุ่มกบฏพีเคเคของชาวเคิร์ดรุนแรงมากขึ้นในพื้นที่ภาคตะวันออกของตุรกีนับตั้งแต่ทั้งสองฝ่ายละเมิดข้อตกลงหยุดยิงเมื่อเดือนกรกฎาคม สำหรับตุรกีจะจัดให้มีการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน หลังการเลือกตั้งในเดือนมิถุนายนไม่มีพรรคใดครองเสียงข้างมาก แต่บรรยากาศทั่วไปในตุรกีเริ่มจะตึงเครียดมากขึ้น
+++สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นเอชซีอาร์) เรียกร้องให้ประเทศในยุโรปร่วมมือกันปรับนโยบายเรื่องผู้ลี้ภัยให้สอดคล้องกันมากขึ้น เพื่อที่จะรองรับผู้อพยพ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากซีเรีย ที่กำลังจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นได้ เพราะสถานการณ์การสู้รบทั้งในประเทศและภูมิภาคที่ยังไม่จบลงง่ายๆ รวมทั้งเงินในโครงการแจกจ่ายความช่วยเหลือขององค์กรต่างๆก็เริ่มลดลง ทำให้ผู้คนเลือกที่เดินทางลักลอบข้ามแดนมายังประเทศข้างเคียงหรือเสี่ยงชีวิต ลงเรือข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมาที่ยุโรป
+++ปีนี้ ยูเอ็นเอชซีอาร์ ประเมินไว้ว่าจะมีผู้ลี้ภัยเดินทางมายังยุโรป 400,000 คน และในปี 2559 ตัวเลขจะขยับขึ้นเป็น 4 แสน 50,000 คน รวมสองปียุโรปจะต้องรับผู้ลี้ภัยมากถึง 8 แสน50,000 คน จำนวนผู้อพยพอาจขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วย เนื่องจากในช่วงปลายปีนี้อากาศจะเริ่มหนาวและทะเลจะเต็มไปด้วยอันตราย แต่จนถึงขณะนี้จำนวนผู้อพยพก็ยังไม่ลดลง เนื่องจาก ได้ข่าวว่า เยอรมนี จะผ่อนคลายมาตรการการรับผู้ลี้ภัยเข้าประเทศ รวมทั้งประเทศในสหภาพยุโรป(อียู)อื่นๆด้วย
+++เดนมาร์ก ปิดมอเตอร์เวย์เชื่อมกับเยอรมนี หลังมีผู้อพยพราว 300 คนในนั้นรวมถึงเด็กๆ พยายามเดินข้ามพรมแดนไปยังสวีเดน เนื่องจากผู้อพยพไม่ยอมลงทะเบียนเพราะไม่อยากถูกบังคับลี้ภัยในเดนมาร์ก ผู้อพยพจำนวนมากกำลังเคลื่อนพลจากเยอรมนีข้ามเดนมาร์ก เพื่อมุ่งหน้าสู่สวีเดน ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีนโยบายเปิดเสรีสำหรับผู้แสวงหาการลี้ภัยมากที่สุดของยุโรป โดยจำนวนมากปฏิเสธลงทะเบียนในเดนมาร์ก
+++จำนวนผู้อพยพซีเรีย 4 ล้านคนที่หลบหนีการการสู้รบระหว่างกองกำลังรัฐบาลซีเรียและกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส) สหรัฐฯรับผู้อพยพซีเรียคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.03 จากจำนวนทั้งหมด นักการเมืองหลายคนของสหรัฐฯ รวมถึงนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันและนายมาร์ติน โอมัลลีย์ ผู้สมัครประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต มองเรื่องนี้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงนโยบายเรื่องนี้โดยเร็ว สหรัฐฯรับผู้อพยพซีเรียแล้ว 1,500 คน ตรงกันข้ามเยอรมนีระบุว่าจะรับผู้อพยพราว 800,000 คนในปีนี้ ขณะที่ประเทศอื่นๆเช่น ตุรกี จอร์แดนและเลบานอน รับผู้อพยพซีเรียหลายแสนคนในขณะนี้
+++ด้านนายเดวิด มิลิแบนด์ ประธานคณะกรรมการช่วยเหลือนานาชาติ องค์กรเอ็นจีโอระดับนานาชาติของสหรัฐฯ เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯรับผู้อพยพเพิ่มเป็น 65,000 คน นายจอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯกล่าวว่า ประธานาธิบดีบารัก โอบามาของสหรัฐฯอยู่ระหว่างพิจารณาแผนการรับผู้อพยพเพิ่มขึ้น คาดว่าอาจจะรับผู้อพยพเพิ่มเป็นสองเท่าจากเดิมคาดว่าจะรับราว 1,500 คนในปีนี้
+++องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติคเหนือ(นาโต้) แสดงความกังวล หลังมีข่าวว่ากองกำลังรัสเซียเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารในซีเรียมากขึ้น เพื่อสนับสนุนทหารของรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัลอัสซาด แต่ดูเหมือนเจ้าหน้าที่สหรัฐฯจะมองว่า คือการเสริมกำลังทางทหารรอบใหม่ของรัสเซีย หนึ่งในพันธมิตรหลักของประธานาธิบดี อัลอัสซาดแห่งซีเรียเจ้าหน้าที่สหรัฐฯเปิดเผยว่า รัสเซียส่งเรือยกพลขึ้นบก 2 ลำและอากาศยานเพิ่มเติมเข้าไปในซีเรีย เช่นเดียวกับประจำการทหารราบด้วย ฝรั่งเศส มองว่า ทำให้การหาทางออกทางการเมืองแก้ไขวิกฤตนี้ต้องยุ่งยากซับซ้อนยิ่งขึ้น
+++กระทรวงความมั่นคงแห่งชาติแอฟริกาใต้ แถลงขอให้ประชาชนอย่าตื่นตกใจต่อประกาศเตือนภัยก่อการร้ายของสหรัฐฯในแอฟริกาใต้ เนื่องจากยังไม่พบว่ามีอันตราย ก่อนหน้านี้สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงพริทอเรียประกาศแนะนำชาวอเมริกันให้ระวังตัวอย่างมากต่อเหตุก่อการร้ายโจมตี โดยระบุว่ากลุ่มหัวรุนแรงอาจพุ่งเป้าหมายเล่นงานสหรัฐฯ ในแอฟริกาใต้ โฆษกกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติแอฟริกาใต้แถลงว่า ในขณะนี้ยังไม่พบความผิดปกติใดๆว่าจะมีอันตรายหรือภัยคุกคามที่เกิดขึ้นในประเทศหรือที่เกี่ยวกับสหรัฐฯ แต่แอฟริกาใต้ก็จะไม่ละเลยต่อประกาศเตือนภัยดังกล่าว
+++การประท้วงคัดค้านข้อเสนอร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ในเนปาลหลังผู้ชุมนุมพยายามโจมตีตำรวจ จนถูกยิงสวนกลับไป ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ศพ เนปาล อยู่ในขั้นสุดท้ายของการเตรียมการรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งจะแบ่งประเทศที่มีประชากร 28 ล้านคนแห่งนี้ออกเป็น 7 จังหวัด นายตำรวจซาอูราฟ รานา เปิดเผยว่าผู้ประท้วง 3 นายถูกยิงที่เมืองจาเลสวอร์ ในเขตมาฮ็อตตารี ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุ ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 100 กิโลเมตร หลังจากผู้ชุมนุมหลายพันคนใช้ไม้และก้อนหินโจมตีป้อมตำรวจแห่งหนึ่ง เจ้าหน้าที่อีกนายเสริมว่าผู้ประท้วงอีกราวหลายร้อยคนยังขว้างปาก้อนหินเข้าใส่ตำรวจในเขตซัปทารี ที่อยู่ใกล้ๆกัน ซึ่งจุดนี้เองที่ผู้ชุมนุมรายที่ 4 ถูกยิงเสียชีวิต
+++หลังจากเกิดเหตุเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 777 ของสายการบินบริติช แอร์เวยส์ (บีเอ) บรรทุกผู้โดยสาร 157 คน และลูกเรือ 13 คน เกิดไฟลุกไหม้เมื่อตอนบ่ายวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ขณะกำลังเตรียมตัวเดินทางจากลาสเวกัสของสหรัฐฯ เพื่อมุ่งหน้าสู่ลอนดอนของอังกฤษ ทำให้ต้องรีบระงับการขึ้นบินและเร่งอพยพคนออกจากตัวเครื่องท่ามกลางความตื่นตระหนก ผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมดสามารถออกจากเครื่องบินอย่างปลอดภัย โดยสไลด์ตัวลงมาทางบันไดฉุกเฉินและมีรถมารับออกจากลานจอดของท่าอากาศยานนานาชาติแมคคาร์แรนของเมืองลาสเวกัส, มลรัฐเนวาดา ท่ามกลางควันดำพวยพุ่งจากเครื่องบิน เจ้าหน้าที่ของท่าอากาศยานแจ้งว่า พนักงานดับเพลิงซึ่งประจำอยู่ในสนามบินแห่งนี้ราว 50 คน สามารถไปถึงตัวเครื่องบินโบอิ้ง ภายใน 2 นาทีหลังได้รับแจ้งเหตุ และสามารถอพยพคนทั้งหมดออกจากเครื่องบินภายใน 3 นาที
+++เอียน เกรเกอร์ โฆษกสำนักงานบริหารการบินของสหรัฐฯ (เอฟเอเอ) แถลงว่า เครื่องยนต์ด้านซ้ายของเครื่องบินลุกไหม้ทำให้นักบินสั่งยกเลิกการทะยานขึ้น รวมทั้งอพยพคนออกจากเครื่องทันที โดยขณะนี้ เอฟเอเอกำลังเร่งสืบสวนหาสาเหตุ สำหรับสายการบินบีเอ แถลงว่า สาเหตุของไฟไหม้เกิดจากปัญหาด้านเทคนิค และบริษัทโบอิ้งบอกว่า กำลังรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้
CR:Reuters