*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น. *
+++สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานจักรยานให้แก่ ด.ช. วรรธนะ คำอินทร์ หรือน้องทาม อายุ 11 ขวบ นักเรียนชั้นป.5 โรงเรียนวัดหนองนาดงกวาง อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นเด็กพิการไร้แขนทั้ง 2 ข้าง ที่ร่วมปั่นจักรยานในกิจกรรม "Bike for Mom ปั่นเพื่อแม่" โดย พล.อ.ท.ภักดี แสงชูโต รองราชเลขานุการในพระองค์ เป็น ผู้แทนพระองค์ เชิญจักรยานพระราชทานไปมอบให้น้องทามในวันที่ 10 ก.ย. นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการอำนวยการจัดกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติ "Bike for Mom ปั่นเพื่อแม่" กล่าวว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระเมตตาเห็นน้องทาม ด.ช.วรรธนะ คำอินทร์ ไร้แขน แต่มีความกตัญญูต่อแม่ ช่วยทำงานบ้านและเป็นเด็กดีของโรงเรียน พระองค์ท่านรับสั่งว่าหากสามารถฟื้นชีวิตใหม่ให้น้องทามได้ ด้วยความพร้อมของการใช้แขนเทียม จะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้คณะแพทย์ และผวจ.พิษณุโลก ดำเนินการ เพื่อพระราชทานแขนเทียมให้น้องทามยอดกตัญญู เพื่อชุบชีวิตใหม่
+++ส่วนนางดอกรัก คำอินทร์ แม่น้องทาม ร่วมกล่าวว่าถ้าน้องทามต้องการแขนเทียมก็ไม่ขัดขวาง ไม่ได้ว่าอะไร แล้วแต่ใจลูก การที่น้องทามบอกว่าอยากมีแขนไว้กอดแม่นั้น ปกติน้องทามก็กอดอยู่แล้ว แต่กอดไม่เหมือนเด็กปกติ เขาคงอยากใช้แขนกอดแม่จริงๆ น้องทามระบุว่า ต้องขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นอย่างมาก ตนอยากจะใช้แขนดังกล่าวช่วนแม่ขายก๋วยเตี๋ยว และทำงานบ้านได้มากขึ้น เพราะขณะนี้แม่กำลังจะเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว อีกทั้งยังได้ใช้แขนเทียมโอบกอดแม่ได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ตนเข้าใจว่าการผ่าตัดใส่แขนเทียมอาจจะเป็นอุปสรรคทางด้านจิตใจหรือทำให้ต้องเจ็บปวด หรือหากเป็นอุปสรรคที่ตนจะกอดแม่ก็จะไม่ใส่ เพราะทุกวันนี้ ตนยังสามารถแสดงความรักกับแม่ด้วยการใช้ศีรษะซุกตัก ซุกอกแม่ก็พอแล้ว“
นายธานินทร์ สมบูรณ์สาร พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.พิษณุโลก กล่าวว่า ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ดูแลน้องทามมาโดยตลอดตั้งแต่ปี 2552 คาดว่าในวันจันทร์ที่ 14 ก.ย. เวลา 09.00-10.00 น. นัดแพทย์และพยาบาล เพื่อนำตัวน้องทามเข้าตรวจสภาพร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้งที่ร.พ.พุทธชินราช จ.พิษณุโลก เพื่อตรวจสอบความเป็นไปได้ว่าจะสามารถติดตั้งแขนเทียมได้หรือไม่ และต้องสอบถามน้องทามว่าต้องการแขนเทียมหรือไม่ ปัจจุบันน้องทามใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนเด็กทั่วไป ทั้งขี่จักรยาน วาดรูป เตะฟุตบอล เดินทางไปไหนมาไหนได้ เป็นที่รักใคร่ของเพื่อนๆ
+++การตั้ง คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงสูตร 6-4, 6-4 ของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ หลังที่ประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เสียงข้างมากคว่ำร่างรัฐธรรมนูญว่า ไม่ได้บอกหวย แต่เป็นคำอธิบายที่เข้าใจดี และไม่ได้ดีใจที่มีเวลาเพิ่มขึ้น เพราะงานหนักขึ้น ซึ่งเดิมคิดว่าถ้าไปได้และเลือกตั้งได้ก็ไม่มีปัญหา แต่เมื่อไปไม่ได้ก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ย้ำว่า ไม่มีการสั่งให้ลงมติร่างรัฐธรรมนูญของ เพราะระมัดระวังที่สุดอยู่แล้ว วันนี้ต้องอย่าเอาการเมืองมาปนกับการปฏิบัติ หรือเอารัฐธรรมนูญมาปนกับการบริหารราชการแผ่นดิน ต้องแยกการเมือง เศรษฐกิจ และความมั่นคง สังคม การต่างประเทศ และการทำโพลอะไรต่างๆ ก็ต้องแยกงาน ถ้าเอาปัญหาที่ซับซ้อนเชิงลึกมากๆ มาถามประชาชนที่เป็นเป้าหมายด้วยคำว่าใช่หรือไม่ ดีหรือไม่ดี ซึ่งก็ไม่ได้คาดหวังคะแนนอยู่แล้ว คงไม่มีขึ้นอยู่แล้วมีแต่ตกลงเรื่อยๆ
+++พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงหลังการประชุม ครม.แถลงว่า นายวิษณุยังชี้แจงถึงลำดับขั้นตอนและปฏิทินของการร่างรัฐธรรมนูญว่า เริ่มต้นในเดือน ก.ย.-ต.ค.2558 จะตั้งกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จากนั้นเดือน ต.ค.2559-เม.ย.2559 อยู่ในช่วงการยกร่างรัฐธรรมนูญภายใน 6 เดือน เม.ย.-ส.ค.2559 เป็นขั้นตอนจัดทำประชามติและประกาศใช้รัฐธรรมนูญในเดือน ก.ย.2559 และในเดือน ก.ย.-ต.ค.2559 เป็นช่วงของการยกร่างกฎหมายลูกภายใน 2 เดือน จากนั้นเมื่อส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ผ่านร่างกฎหมายลูกภายใน 3 เดือน และในเดือน ก.พ.2560 ส่งกฎหมายลูกให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบภายใน 1 เดือน และต่อมาในเดือน มี.ค.2560 จึงเริ่มประกาศใช้กฎหมายลูกและเริ่มรณรงค์หาเสียงได้ จากนั้น มี.ค.-มิ.ย.2560 มีการเลือกตั้ง จากนั้นจะตั้งรัฐบาลใหม่ภายในระยะเวลา 1 เดือนคือ ก.ค.2560
+++นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เฟซไทม์สายตรงร่วมพูดคุยในรายการต้องถามทางสถานีโทรทัศน์ฟ้าวันใหม่ ในกรณี สปช.มีมติคว่ำร่างรัฐธรรมนูญว่า ถือว่ามีโอกาสดีในการทำให้ประเด็นเรื่องของการปฏิรูป หรือการแก้ไขปัญหาของการเมืองนั้นรอบคอบ และมีเวลาเปิดกว้างให้ทุกฝ่ายมามีส่วนร่วม แล้วทำให้เกิดการยอมรับ โดยขอให้ใช้เวลา 6 เดือนที่เพิ่มขึ้นเป็นโอกาสทองขับเคลื่อนไปสู่การปฏิรูปที่แท้จริง พร้อมกับอยากเชิญชวนทุกฝ่ายพักเรื่องการวิพากษ์ วิเคราะห์กันทางเมืองในช่วง 6 เดือนนี้ เพื่อใช้เป็นเวลาของการวางระบบที่ดีที่สุดสำหรับบ้านเมืองในอนาคต เมื่อทุกคนมาร่วมกันทำอย่างนี้อย่างสร้างสรรค์ เราจะได้เดินหน้าไปได้
+++นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทยโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กว่า ร่างรัฐธรรมนูญที่ถูกคว่ำ คสช.หนีไม่พ้นความรับผิดชอบ โดย คสช.ควรปล่อยวางอำนาจในการบงการกำกับการร่างรัฐธรรมนูญ เปิดทางให้ประชาชนมาเป็นผู้ร่าง มีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและสุดท้ายตัดสินด้วยการลงประชามติที่เสรีและยุติธรรม รวมทั้งควรกำหนดเงื่อนไขกติกาและโรดแมปใหม่ให้ชัดเจนว่า ประเทศจะมีรัฐธรรมนูญและมีการเลือกตั้งในเวลาที่เหมาะสมและแน่นอน ไม่ใช่ยืดเยื้อต่อไปตามตัวเลข 6-4, 6-4 ที่อาจยืดเยื้อออกไปเรื่อยๆ ก็ได้
+++การใช้มาตรา 44 ถอดยศ พ.ต.ท. ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ลองไปดูมาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญชั่วคราวกำหนดไว้แล้วว่า เมื่อได้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ถึงที่สุดยุติอย่างไร ส่วนจะเป็นการดำเนินการกับตระกูลชินวัตรแบบเบ็ดเสร็จ นายวิษณุกล่าวว่า เป้าหมายเขาไม่ได้คิดแบบนั้นหรอก แต่เป็นการคิดว่าเมื่อดำเนินการมาแล้วจะทำอย่างไรให้บ้านเมืองสงบ ยุติ และเรียบร้อย จบลงโดยที่ไม่ต้องมาพูดอะไรกันอีก
+++ขณะที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า จะหวั่นการถอดยศนายทักษิณจะทำให้สถานการณ์บานปลายหรือไม่ เป็นคนละประเด็น แล้วรู้ได้อย่างไรว่าสถานการณ์จะบานปลาย จะเกิดเหตุเพื่ออะไร ขอถามหน่อยการถอดยศใครสักคนหนึ่งเป็นไปตามกฎหมาย แล้วคุณว่าจะเกิดความไม่สงบเรียบร้อยเพราะอะไร เพื่ออะไร ส่วนถามที่ว่า นายทักษิณก็ไม่ใช่คนธรรมดาเหมือนกัน เพราะมีมวลชนเยอะแยะ พล.อ.ไพบูลย์ ย้อนถามอย่างมีอารมณ์ว่า ตกลงกฎหมายไม่ใช้กับคนไม่ธรรมดาหรือ กฎหมายใช้กับคนทุกคนแหละ นายกฯ ผิดก็ต้องถอดยศ พล.อ.ประยุทธ์เหมือนกัน กฎหมายเดียวกัน "ถามผมว่าจะไม่เกิดความสงบ ขอถามว่าเพราะอะไร ตกลงจะไม่ให้ผมทำตามกฎหมายก็พูดมาสิ แล้วอย่ามาพูดนะว่ารัฐบาลชุดนี้เลือกปฏิบัติ ห้ามพูดคำนี้เด็ดขาด เป็นเรื่องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการมากี่คนแล้ว ดูกฎหมายอย่างดีแล้ว แล้วจะกลัวอะไร ถ้าทำถูกก็ไม่ต้องกลัว ผมพูดคำนี้เลยว่าผมไม่กลัว ให้ออกมาแล้วกัน แล้วบอกผมด้วยว่าออกมาเพื่ออะไร จะได้รู้ว่าต้องปกครองประเทศแบบไหน เขียนด้วยนะ”
++ยูเนสโกเผยทั่วโลกไม่รู้หนังสือ ระบุเด็ก 250 ล้านคน-ผู้ใหญ่ 757 ล้านคน ขณะที่เด็กวัยรุ่นหลุดระบบการศึกษาพุ่ง 124 ล้านคน แนะทุกประเทศลงทุนเพิ่ม พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวเปิดงานวันที่ระลึก สากลแห่งการรู้หนังสือ ประจำปี 2558 ว่า การรู้หนังสือเป็นเครื่องมือพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาศักยภาพกำลังคนของทุกประเทศ และเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ที่ประชาชนทุกคนพึงได้รับ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต แต่จากรายงานองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก ระบุว่า ยังมีผู้ใหญ่กว่า 757 ล้านคนทั่วโลก อ่านเขียนหรือคิดเลขไม่ได้ 2 ใน 3 ของจำนวนดังกล่าวเป็นสตรี นับเป็นการสูญเสียศักยภาพของพลเมืองโลกอย่างมาก แต่ไทยยังมีเด็กชั้นป.3 ป.4 หลายแห่ง ยังอ่านเขียนไม่คล่อง โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ปรับระบบการเรียนการสอน ส่วนการศึกษานอกระบบที่ กศน.ดำเนินการ เท่าที่ดูมีความก้าวหน้ากว่าในประเทศอื่นๆ มาก เหลือแต่ประสิทธิภาพและคุณภาพ ที่ต้องมาดูว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพการสอนของครู ในการเพิ่มโอกาสให้คนที่มาเรียน กศน.ให้ได้มากที่สุด
+++เตือน มือ เท้า ปาก นพ.ธนะรักษ์ ผลิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่มีผู้เผยแพร่ข้อมูลการเสียชีวิตของเด็กหญิงคนหนึ่งผ่านเว็บไซต์เฟซบุ๊กที่ระบุว่าลูกสาวเสียชีวิตด้วยโรคมือเท้าปาก หลังป่วยเพียง 3 วัน ว่า เด็กเป็นกลุ่มที่มีโอกาสป่วยเป็นโรคมือ เท้า ปากได้มากกว่ากลุ่มอายุอื่น ซึ่งโรคนี้มีหลายสายพันธุ์ แต่สายพันธ์ที่รุนแรงคือสายพันธ์เอนเทอโรไวรัส (EV) 71 แต่มีโอกาสพบได้น้อยมาก แต่เมื่อป่วยด้วยเชื้อดังกล่าวแล้วจะทำให้อาการหนัก และเสี่ยงเสียชีวิตได้ง่าย ซึ่งกรณีดังกล่าวยังไม่ทราบรายละเอียด แต่หากมีการเสียชีวิตด้วยโรคนี้ ตามระบบจะต้องมีการรายงาน "คาดว่ารายดังกล่าว อาจป่วยเป็นโรคมือ เท้า ปาก สายพันธุ์เอ็นเทอร์โรวัรส 71 เพราะเชื้อนี้จะทำให้อาการป่วยเปลี่ยนแปลงเร็วมาก จากตอนกลางวันดีๆ พอตกกลางคืนอาการก็แย่ลง เชื้อเข้าไปถึงที่ก้านสมอง ทำให้เกิดอาการอักเสบ ซึ่งเป็นส่วนที่ควบคุมระบบหัวใจ ทำให้หัวใจเต้นช้าลงและความดันต่ำ