*รอบวัน:โรดแมพ รบ.ใหม่ปี60/คตส.ยืนยันเอาผิดพานทองแท้ ฟอกเงินกู้กรุงไทย/ไต้ฝุ่นเอตาวถล่มญี่ปุ่น*

สรุปข่าว 19.35น.

+++ในระหว่างการประชุม ครม. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ทำpower point ชี้แจง คณะรัฐมนตรี  ถึงขั้นตอนการตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะใช้ตัวย่อว่า กรธ. ในเดือนกันยายน กรธ.จะใช้เวลายกร่างรัฐธรรมนูญ 6 เดือน  ทำกฎหมายลูก ส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และศาลรัฐธรรมนูญ 4 เดือน จากนั้นทำประชามติ ใช้เวลา 6 เดือน และจัดให้มีการเลือกตั้ง 4 เดือน จึงคาดว่าจะมีรัฐบาลใหม่ภายในเดือนกรกฎาคม 2560  ซึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เวลาที่เพิ่มขึ้นทำให้รัฐบาลต้องมีผลงานที่เด่นชัดมากขึ้น ถือเป็นงานที่ท้าทาย  ส่วนการสรรหา  กรธ.  ว่าจะเลือกบุคคลที่มีความรู้ความสามารถในทุกด้านเข้ามาทำหน้าที่ ส่วนรายชื่อต้องให้ได้ก่อนวันที่ 5 ตุลาคม แต่เมื่อนายกรัฐมนตรี มีกำหนดไปร่วมประชมยูเอ็นที่สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 22 กันยายน – 3 ตุลาคม ต้องได้รายชื่อออกมาก่อน

+++นายคณิต ณ นคร  ประธานกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ปฏิเสธไม่ได้รับการทาบทามให้เข้าไปดำรงตำแหน่งกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะต้องแต่งตั้งขึ้นภายใน 30 วัน หลังจากที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)มีมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องปกติ ที่แต่ละคนมีความคิดของตัวเอง  และไม่ขอพูดถึงจุดบกพร่องที่ทำให้ร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านความเห็นชอบ เพราะไม่ได้ศึกษารายละเอียด แต่ก็หวังว่าจะมีการหยิบยกเรื่องการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมไว้ในรัฐธรรมนูญ ส่วนที่มีบางฝ่ายต้องการให้นำรัฐธรรมนูญ ปี 2540 มาเป็นต้นแบบในการร่าง นั้น  ไม่ขอให้ความเห็น

+++หลังการประชุมร่วมกับอัยการ  สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรณีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร้องทุกข์กล่าวโทษผู้บริหารเครือกฤษฎามหานครฟอกเงิน เนื่องจากทุจริตเงินที่ธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 3 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า คณะพนักงานสอบสวนชุดใหม่ได้เชิญ พ.ต.ท.วิชัย สุวรรณประเสริฐ พนักงานสอบสวนชุดเดิมเข้าให้ข้อมูล และมีมติว่า ให้คัดสำเนาคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดีหลักว่า มีการพิจารณาลงโทษในประเด็นใดบ้างซึ่งดีเอสไอได้ยื่นคำร้องเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนดีเอสไอที่เคยมีการดำเนินคดีในข้อหาฟอกเงิน ซึ่งพนักงานสอบสวนชุดเดิมได้สอบปากคำพยานไปแล้ว 147 ปาก และไล่สอบสายการเงินไปแล้วกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ โดยที่ประชุมได้ตั้งข้อสังเกตว่า ให้แจ้งข้อกล่าวหาบุคคลที่เกี่ยวข้องให้ทันกำหนดภายใน 30 วัน แต่ทางอัยการเสนอว่า ควรจะรอให้ได้สำเนามาทั้งหมดก่อนและให้แจ้งข้อกล่าวหาทีเดียว

+++ส่วนเส้นทางการเงินที่รับโอนนั้นพบว่ามีการแจ้งข้อหากลุ่มหลัก ๆ คือ เครือกฤษดามหาคร ซึ่งรับเงินจากธนาคารกรุงไทย ซึ่งพนักงานสอบสวนชุดเดิมได้ทำแผนผังชัดเจนว่า มีการโอนเงินไปที่ไหนบ้าง  โดยคดีที่ดีเอสไอสรับเป็นคดีพิเศษ คือ ข้อหาฟอกเงินจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ภาครัฐ (คตส.) คดีเดียว   คตส.ได้ยื่นได้ร้องทุกข์กล่าวโทษมาที่ดีเอสไอ 2 ครั้งเมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2550 และ 23 พ.ค. 2550 ซึ่งเป็นการแจ้งมติ คตส. ว่า มีการกระทำความผิดที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาครัฐ โดยมีการระบุชื่อ นายวิชัย กฤษฎาธานนท์ และพวก กระทำความผิดฟอกเงินตามมาตรา 5 และคดีปั่นหุ้น ซึ่งดีเอสไอจะดำเนินการต่อไป  แต่คตส. ไม่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษในกรณีบุตรชายนักการเมือง  แต่ถ้าผลการสอบเส้นทางการเงินโยงไปถึงก็ต้องพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยต้องมีเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้ร้องทุกข์ เนื่องจากความเสียหายเกิดขึ้นกับรัฐโดยตรง คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนแจ้งข้อกล่าวหาบุคคลที่เกี่ยวข้องได้ทั้งหมด

+++ด้าน นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตเลขาธิการ คตส. เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา ว่า ในที่ประชุม คตส. มีมติให้ดำเนินคดีนายพานทองแท้ กับพวก ในข้อกล่าวหารับของโจร และฟอกเงิน ด้วย อย่างไรก็ดีเมื่อถึงขั้นตอนการส่งให้อัยการสูงสุด (อสส.) ดีเอสไอ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อดำเนินคดี ซึ่งในฝ่าย อสส. เห็นว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นภายหลังการกระทำผิดของผู้บริหารธนาคารกรุงไทยที่ปล่อยกู้เครือกฤษฎามหานครไปแล้ว จึงมีมติไม่ฟ้อง ส่วนความคืบหน้าในดีเอสไอและ ปปง. นั้นไม่ทราบเลย   ย้ำว่า  กรณีของนายพานทองแท้กับพวกนั้น มีหลักฐานครบ เนื่องจากข้อเท็จจริงปรากฏว่า เส้นทางการเงินในคดีกรุงไทยปล่อยกู้เครือกฤษดา มหานครนั้น มีเงินบางส่วนถูกโอนเข้าบัญชีของเครือข่ายบริวารตระกูลชินวัตร ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นการฟอกเงิน หรือสนับสนุนให้มีการฟอกเงิน ซึ่ง ดีเอสไอ สามารถใช้สำนวนของ คตส. เพื่อดำเนินการได้เลย ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบเพิ่มเติมอะไรอีกมากนัก

+++นายสุรงค์ บูลกุล นายกสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย กล่าวว่า สนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เน้นการกระจายรายได้สู่ผู้มีรายได้น้อย ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนมีรายได้มากขึ้น และเชื่อมั่นว่าการดำเนินการของทีมเศรษฐกิจจะเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ด้านนายชาญศักดิ์ เฟื่องฟู กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะการช่วยเหลือประชาชนในระดับฐานรากและผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ให้มีความสามารถและมีสภาพคล่องในการจับจ่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งการที่รัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือก็จะทำให้สามารถปรับตัวและเดินหน้าต่อไปได้ ส่วนการปล่อยสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ของธนาคารกรุงเทพในช่วง 6 เดือน   ส่วนใหญ่เป็นการปล่อยสินเชื่อเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยขณะนี้ภาคเอกชนรอความชัดเจนเรื่องของการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาล ซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดประมูลในช่วงสิ้นปีนี้ 17 โครงการใหญ่ ซึ่งหากโครงการเป็นรูปธรรมก็จะกระตุ้นเรื่องการขอสินเชื่อต้นปี 2559 ให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น ส่วนปีนี้คาดว่าสินเชื่อรายใหญ่จะขยายตัวประมาณร้อยละ 3 ซึ่งเป็นเป็นอัตราการเติบโตใกล้เคียงกับจีดีพี

+++นายธิติ ตันติกุลานันท์ ผู้บริหารสายงานธุรกิจ ตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าถึงระดับ 36.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในสิ้นปีนี้ ซึ่งอ่อนค่ามากกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 36.25 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากตลาดมีความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐวันที่ 16 – 17 กันยายนนี้ รวมทั้งเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียชะลอตัวลงโดยเฉพาะมาเลเซียที่มีผลทำให้ค่าเงินริงกิตอ่อนค่าลงร้อยละ 5 ภายในเวลา 5 วันทำการ กระทบมาถึงค่าเงินบาทและเงินดอลลาร์สิงคโปร์ให้อ่อนค่าลงตาม

+++นายประสงค์ นิลบรรจง รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เชื่อว่า หลังกระทรวงการคลังเสนอมาตรการช่วยเหลือทางการเงินและมาตรการลดภาระภาษีเงินได้นิติบุคคลให้กับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) วันนี้ ทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น จากปัจจุบันเอสเอ็มอีทั่วประเทศที่มีมากกว่า 2.7 ล้านราย เข้าสู่ระบบภาษียังไม่ถึง 1 ล้านรายด้านจีดีพีของเอสเอ็มอีภาพรวมนั้น ล่าสุดมีสัดส่วนต่อจีดีพีของประเทศคิดเป็นร้อยละ 40 เท่านั้น ซึ่งกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมต้องการเห็นจีดีพีเอสเอ็มอีต่อจีดีพีประเทศเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 5-10 ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า

+++ความเคลื่อนไหว หุ้นไทยและเอเชีย  ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดตลาดพุ่งขึ้นเกือบร้อยละ 3  จากแรงซื้อที่เข้าหนุนหุ้นกลุ่มการเงินและเทคโนโลยี โดยตลาดพลิกดีดตัวขึ้นจากที่ร่วงลงในการซื้อขายภาคเช้า ภายหลังทางการจีนเปิดเผยข้อมูลการส่งออกเดือนส.ค.ที่ลดลง ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตพุ่ง 90.03 จุด ที่  3,170.45 จุด

++++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,379.32 จุด เพิ่มขึ้น 7.92 จุด (+0.58%) มูลค่าการซื้อขาย 35,757.26 ล้านบาท

+++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดทะยานขึ้นในวันนี้ โดยได้รับปัจจัยบวกจากดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนที่ปิดพุ่งขึ้นเกือบ 3% จากแรงซื้อที่เข้าหนุนหุ้นกลุ่มการเงินและเทคโนโลยี แม้ว่าก่อนหน้านี้จีนจะเปิดเผยข้อมูลการค้าที่อ่อนแอก็ตาม ดัชนีฮั่งเส็งเพิ่มขึ้น 675.52 จุด หรือ 3.28% ปิดวันนี้ที่ 21,259.04 จุด

+++ส่วน ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วงลงในวันนี้ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน เนื่องจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้ถูกสั่นคลอนจากข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ญี่ปุ่นที่ไม่มีความชัดเจน ประกอบกับข้อมูลการค้าจีนที่อ่อนแอ ปิดลดลง 433.39 จุด หรือ 2.43% แตะที่ 17,427.08 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ.

+++นายวีระ โรจนพจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีประกาศขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ประจำปี 2558 จำนวน 32 รายการ ใน7สาขา  เช่น สาขาศิลปะการแสดง  อาทิ ฟ้อนเงี้ยว , สาขาช่างฝีมือดั้งเดิม อาทิ ปราสาทผึ้ง สาขาวรรณกรรมพื้นบ้าน เช่นตำนานสงกรานต์ นิทานพระรถ-เมรี, สาขากีฬาภูมิปัญญาไทย เช่น ชักเย่อเวียนพระบาท  พิธีกรรมและงานเทศกาล เช่น ประเพณีแห่มาลัยข้าวตอก เหยา  สาขาความรู้และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับธรรมชาติและจักรวาล เช่น ภูมิปัญญาการเลี้ยงควายไทย การทำเส้นไหมไทย และสาขาภาษา เช่น ภาษากูย และภาษาพวน เพื่อเป็นหลักฐานของประเทศในการประกาศความเป็นเจ้าของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมต่างๆ อีกทั้งยังเป็นการผลักดันให้เกิดการอนุรักษ์ คุ้มครองมิให้ภูมิปัญญาเหล่านี้สูญหาย ซึ่งเมื่อร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมได้รับการเห็นชอบจากที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรมก็จะเตรียมความพร้อมสู่การเป็นภาคีสมาชิกอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของยูเนสโก และเสนอให้ขึ้นทะเบียน “โขน” เป็นวัฒนธรรมของไทยต่อไป

+++ทางการญี่ปุ่นแนะนำประชาชนกว่า 120,000 คนบนเกาะฮอนชู ซึ่งเป็นเกาะหลักของประเทศอพยพเพราะอาจเกิดน้ำท่วมจากไต้ฝุ่นเอตาวที่กำลังมุ่งหน้ามาพร้อมกับลมแรงฝนตกหนัก  สายการบินเจแปนแอร์ไลน์แจ้งว่า อาจต้องยกเลิกหรือเลื่อนเที่ยวบินที่ท่าอากาศยานท้องถิ่นทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ขณะที่สายการบินออลนิปปอนแอร์เวย์แจ้งว่า อาจต้องยกเลิกเที่ยวบินไปกลับเมืองนาโกยา ทางตอนกลางของประเทศในช่วงเช้า ไต้ฝุ่นเอตาวมีความเร็วลมสูงสุด 126 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวห่างจากกรุงโตเกียวไปทางใต้หลายร้อยกิโลเมตรในช่วงบ่ายวันนี้ คาดว่าจะขึ้นฝั่งเกาะฮอนชูในวันพุธ

++++การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก รอบ 2 โซนเอเชีย นัดที่ 3 ของกลุ่มเอฟ ระหว่าง  ทีมชาติไทย กับ อิรัก ล่าสุด อิรักขึ้นนำไทย 1:0