ตามที่มีผู้พบเห็นลูกไฟขนาดใหญ่ตกจากท้องฟ้า ซึ่งสามารถมองเห็นได้ในหลายจังหวัด ซึ่งหลังจากที่พูดคุยกับอาจารย์สุพจน์ นิธิพันธ์ นักวิชาการศึกษาชำนาญการพิเศษ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ท้องฟ้าจำลอง คาดว่า ลูกไฟนี้อาจเป็นอุกกาบาต หรืออาจเป็นชิ้นส่วนของขยะอวกาศก็ได้ทั้งสิ้น และได้เล่า ย้อนไปถึงกรณีที่เคยมีอุกกาบาตตกในไทยเมื่อหลายปีมาแล้ว และได้พาเข้าไปชมก้อนอุกกาบาตที่ยังมีการเก็บรักษาไว้ ในพิพิธภัณฑ์ของท้องฟ้าจำลอง ซึ่งแต่ละก้อนก็มีขนาดแตกต่างกันไป โดยอุกกาบาตที่ตกลงสู่พื้นโลก จะมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ จากการเสียดสีกับบรรยากาศ และเมื่อตกกระทบพื้น ก็จะมีการแตกกระจาย
สำหรับก้อนอุกกาบาตที่เก็บรักษาอยู่ในพิพิธภัณฑ์นั้น เก็บมาจากอุกกาบาตที่ตกที่จังหวัดนครปฐมซึ่งเมื่อตกสู่พื้นโลกแล้ว ก็แตกออกเป็น 2 ก้อน ส่วนจะมีอันตรายต่อผู้คนหรือไม่นั้นขึ้น อยู่กับความเร็วของแรงตกกระทบ ซึ่งหลังจากนี้แล้ว ยังต้องมีการเฝ้าระวังต่อไปอีกระยะ เพราะอาจจะมีอุกกาบาตหรือสิ่งอื่นตกลงมาอีกก็เป็นได้ ซึ่งก็จะต้องมีการเฝ้าระวัง และสังเกตการณ์จากผู้ชำนาญการอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้วัตถุจากอาวกาศอาจปนเปื้อน แร่ยูเรเนียมหรือโลหะหนัก ตลอดจนสารที่สามารถแผ่รังสีและก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิต จากการสูดดมโดยไม่รู้ตัว เพราะสารเหล่าไม่มีกลิ่น เราจึงไม่สามารถทราบได้ว่าอยู่ในวงรังสีหรือไม่ จึงควรให้หน่วยงานที่มีความชำนาญการเฉพาะทาง เป็นผู้เข้าไปตรวจสอบ และไม่ควรเก็บชิ้นส่วนใด ๆ ที่พบเจอจากบริเวณที่เกิดเหตุกลับมา เนื่องจากนักวิชาการจะไม่สามารถเก็บหลักฐานกลับมาวิเคราะห์หาสาเหตุที่เกิดขึ้นได้
...ผสข.พนิตา สืบสมุทร