+++หลังจากที่เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่ควบคุมตัว นายอาเดม คาราดัค ผู้ต้องหาคดีครอบครองวัตถุระเบิด ถูกจับที่พูลอนันต์อพาร์ทเมนท์ ย่านหนองจอก และนำไปสอบปากคำที่กรมทหารราบมณฑลทหารบกที่ 11 หรือ มทบ.11 ช่วงบ่ายวันนี้ เจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล หลังครบกำหนดการควบคุมตัวของทหาร 7 วัน เพื่อให้ตำรวจดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย โดยมีพลตำรวจโทประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจโทศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รอรับตัว ผู้ต้องหาสีหน้าเรียบเฉย สวมใส่ชุดเดียวกับวันที่ถูกจับกุมจากนั้น เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้ทำบันทึกรายงานการส่งมอบตัวผู้ต้องหาและให้แพทย์ตรวจร่างกายผู้ต้องหาพบว่า ปกติ
+++พลตำรวจโทประวุฒิ กล่าวว่าว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหา มีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยนายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ โดยมีล่าม 3 ภาษา คือ อังกฤษ,อาหรับ และตุรกี มาช่วยพูดคุยและสอบปากคำเพิ่มเติม ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันสัญชาติผู้ต้องหาได้ อีกทั้งยังไม่ทราบคำให้การของผู้ต้องหา อยู่ระหว่างการสอบสวน คืนนี้จะควบคุมตัวไว้ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 โดยจะคุมตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดมีนบุรีพรุ่งนี้
+++พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ด้านความมั่นคง ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนคดีระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์และท่าน้ำสาทร ยอมรับว่า คดีนี้จับยาก มีความสลับซับซ้อน ต้องวิเคราะห์กันรอบด้าน จากการพูดคุยกับนายไมไรลี ยูซูฟู หนึ่งในผู้ต้องหาที่ควบคุมตัวได้ที่จ.สระแก้ว ยังไม่สามารถชี้ถึงมูลเหตุการก่อเหตุต้องขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้อง ตอนนี้ต้องต่อจิ๊กซอว์ไปทีละตัว ตอนนี้ได้เยอะแล้ว ทุกอย่างเชื่อมโยงกันหมด ส่วนตัวเชื่อว่า ชายคนนี้อยู่บริเวณศาลท้าวมหาพรหม ร่วมก่อเหตุในจุดนั้นแน่นอน
+++การเคลื่อนไหวของสมาชิกสภาปฎิรูปแห่งชาติ(สปช.)ทั้งที่สนับสนุนและไม่สนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญ นายอลงกรณ์ พลบุตร สปช. กล่าวว่า แต่ละฝ่ายต่างแสดงเหตุผลของตัวเองเพื่อให้เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในร่างรัฐธรรมนูญถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ยืนยันว่าไม่มีการล็อบบี้ หรือมีคำสั่งใด ๆ จากใคร เป็นอิสระของ สปช.ที่จะแสดงความเห็นและตัดสินใจ ส่วนตัวอยากให้สปช.ตัดสินใจโดยมองเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มองเป้าหมายว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะแก้ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นได้หรือไม่ เพราะเราอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน และไม่ว่าผลการลงมติจะออกมาอย่างไร ทุกอย่างยังคงเป็นไปตามโรดแมปที่วางเอาไว้ และไม่ได้ทำให้ประเทศถึงทางตัน
+++พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ในวันที่สปช.จะมีการโหวตรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 6 ก.ย.นี้ว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลได้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่ไม่มีความกังวลมากนัก เพราะมองว่าเป็นเรื่องของสปช. และเป็นเรื่องที่มีการกำหนดไว้แต่ต้นตามโรดแมปอย่างชัดเจนแล้วว่าหากโหวตผ่านหรือไม่ผ่านจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งมีขั้นตอนอยู่แล้ว จึงไม่มีอะไรต้องกังวลใจ
+++พล.ต.วีรชน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีห่วงเรื่องเศรษฐกิจถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดต่ำลง โดยเฉพาะเดือนส.ค. จึงขอให้ตั้งข้อสังเกตโดยขอให้รอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลเพิ่งดำเนินการและเป็นการทำงานของคณะทำงานเศรษฐกิจชุดเดิม อีกทั้งที่ผ่านมามีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพ ทำให้เกิดความไม่สบายใจของทุกคน จึงขอให้รอดูอีกช่วงหนึ่งที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทำงานและความมั่นคงปลอดภัยดีขึ้น
+++ในการสัมมนา มองตัวเลข วิเคราะห์ปัจจัย ตลาดหุ้นไทยได้จังหวะเก็บ นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มปรับตัวลดลงได้อีก ถึงระดับ 1,200 จุด หรืออาจต่ำกว่าเล็กน้อยในระหว่างที่รอความชัดเจนของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ในเดือนธันวาคมนี้ โดยปัจจัยกดดันการลงทุนมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและเอเชีย และ เศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นยังได้รับผลบวกทางจิตวิทยาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งจะเห็นผลต่อเศรษฐกิจในช่วงปลายไตรมาส1/2559 โดย บล.บัวหลวง คาดว่า ดัชนีหุ้นไทยในปลายปีนี้จะอยู่ที่ 1,470 จุด หลังจากที่เฟดมีความชัดเจนในการขึ้นดอกเบี้ย และภาวะเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว
+++นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการเงินทุนบุคคล บล. กสิกรไทย กล่าวว่า ในช่วงเดือนกันยายน-พฤศจิกายน นี้ ตลาดหุ้นไทยยังมีความผันผวนสูง เพื่อรอความชัดเจนเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของ เฟด กรอบการเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทยระหว่าง 1,350-1,400 จุด แต่เชื่อว่าเมื่อเฟดขึ้นดอกเบี้ยแล้ว เศรษฐกิจโลกจะเริ่มฟื้นตัว เช่นเดียวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะขยายตัวเป็นร้อยละ 3.2 ในปี 2559 จากที่ปีนี้ขยายตัวได้ร้อยละ 2-3 โดยหุ้นที่น่าลงทุนคือกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งปัจจุบันราคายังถูก คาดว่าจะเป็นกลุ่มที่ฟื้นตัวในลำดับต้นๆ ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และกลุ่มก่อสร้าง ซึ่งได้รับอานิสงส์จากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐในปีหน้า
+++การลงทุนในตลาดหุ้นไทย ปิดตลาด ลดลง 12.73จุด ที่ระดับ 1,370.75จุด มูลค่าซื้อขาย 34,133.90 ล้านบาท
+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ฮั่งเส่ง ปิดที่ 20,840.61 จุด ลดลง 94.33 จุด นิเคอิ ตลาดหุ้นโตเกียวญี่ปุ่น ลดลง 390.23 จุด ปิดที่ 17,792.16 จุด เซี่ยงไฮ้ คอมโพสิต ตลาดหุ้นจีน ลดลง 6.46 จุด ปิดที่ 3,160.17 จุด
+++นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป ( อีซีบี ) แถลงปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ( จีดีพี ) ของยูโรโซนในปีนี้ จากร้อยละ 1.5 ลงเหลือร้อยละ 1.4 ขณะที่คาดการณ์จีดีพีของยูโรโซนสำหรับปีหน้าอยู่ที่ร้อยละ 1.7 ลดลงจากร้อยละ 1.9 เชื่อว่าภาวะซบเซาของเศรษฐกิจจีนและราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังคงตกต่ำจะมีผลเพียง ชั่วคราว
+++กรณีอุบัติเหตุทางถนนทำให้ ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน อดีต ส.ว.สุพรรณบุรี ประสบอุบัติเหตุ ขณะขับรถยนต์ในพื้นที่หมู่ 5 ต.ห้วยขมิ้น อ.หนองแค จ.สระบุรี โดยมีรถยนต์ถูกชนท้ายเสียหลักพุ่งข้ามเลนมาชนกับรถของ ดร.สมเกียรติ จนได้รับบาดเจ็บ ถูกส่งตัวเข้ารักษาตัวที่ โรงพยาบาลวิภาวดีรังสิต ส่วน นางสาวทัศนีย์ สิทธิยศ พยาบาล โรงพยาบาลหนองแค จ.สระบุรี ผู้ขับรถที่ถูกชนท้ายจนพุ่งมาชน รถของ ดร.สมเกียรติ ได้รับบาดเจ็บ ถูกนำตัวเข้าห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน โรงพยาบาลสระบุรี ร.ต.ท.อัศวิน พันธ์วงษ์ ร้อยเวร สภ.หนองแค สาขาย่อยหินกอง จ.สระบุรี เจ้าของคดี ได้นำตัว นายศักดิ์สิทธิ์ ทองเอี่ยม อายุ 24 ปี ผู้ขับรถยนต์ ทะเบียน ภฐ-7107 กทม. ที่ขับชนท้ายรถยนต์ของ นางสาวทัศนีย์ จนทำให้รถของนางสาวทัศนีย์ พุ่งข้ามเกาะกลางถนนไปชนกับรถของ ดร.สมเกียรติ โดย เจ้าหน้าที่ตำรวจนำ นายศักดิ์สิทธิ์ ส่งฟ้องศาลแขวงสระบุรี ข้อหาขับรถประมาทเฉี่ยวชนรถผู้อื่นทำให้รถเสียหายและได้รับบาดเจ็บ
+++ปัญหาผู้อพยพยในยุโรป นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ เปิดเผยว่า ผู้อพยพเป็นกลุ่มบุคคลซึ่งต้องเผชิญกับข้อจำกัดในหลายด้าน จึงสมควรได้รับผลประโยชน์อย่างเต็มที่จากมาตรการโยกย้ายถิ่นฐานครั้งใหญ่ ที่ถือเป็นความร่วมมือขั้นพื้นฐานของสหภาพยุโรป ( อียู ) โดยการประเมินในเบื้องต้นของยูเอ็นเอชซีอาร์พบว่า จำนวนผู้อพยพซึ่งต้องได้รับการจัดสรรที่อยู่ใหม่อาจสูงถึง 2แสนคน นอกจากนี้ นายกูเตร์เรส เรียกร้องให้สมาชิกอียูทั้ง 28 ประเทศแสดงความเป็นเอกภาพร่วมกันให้มากขึ้น เนื่องจากปัญหาร้ายแรงดังกล่าวไม่สมควรอยู่ในความรับผิดชอบของบางประเทศ เช่นกรีซ อิตาลี และล่าสุดคือฮังการี ที่สถานการณ์ยังคงตึงเครียด จากการเผชิญหน้าระหว่างตำรวจกับกลุ่มผู้อพยพซึ่งต้องการโดยสารขบวนรถไฟต่อไปยังเยอรมนี ดังนั้น การที่ประเทศที่เหลือไม่ออกมาร่วมแสดงความรับผิดชอบ ยิ่งเท่ากับเป็นการเปิดทางให้แก่ขบวนการค้ามนุษย์ ทั้งนี้ รายงานของยูเอ็นเอชซีอาร์ระบุว่า ตั้งแต่ต้นปีนี้มีผู้อพยพเสี่ยงชีวิตเดินทางแออัดกันอยู่ในเรือโดยสารเพื่อข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแล้วมากกว่า 3แสนคน แต่ในจำนวนนี้ไม่ต่ำกว่า 2,600 คนต้องเสียชีวิต เนื่องจากเรืออับปางเสียก่อน และสถิติเมื่อวันพฤหัสบดีเพียงวันเดียวพบว่า มีผู้อพยพเดินทางข้ามพรมแดนจากมาซิโดเนียไปยังกรีซมากถึงราว 5,600 คน
CR:BBC