*ฮังการีเปิดเดินรถไฟตามปกติในกรุงบูดาเปสต์หลังเผชิญหน้าผู้อพยพมา2วัน*

บีบีซีรายงานอ้างโฆษกการรถไฟฮังการีว่า ฮังการีได้เปิดเดินรถตามปกติที่สถานีเกเลตี สถานีหลักในกรุงบูดาเปสต์ อนุญาตให้ผู้อพยพหลายร้อยคนขึ้นรถไฟได้เมื่อช่วงเช้าวันนี้ หลังเกิดเหตุเผชิญหน้ากับตำรวจมา 2 วัน พอประตูสถานีเปิด ผู้อพยพรีบวิ่งกรูกันไปขึ้นรถไฟจนแน่นขบวน แต่ทางสถานีแจ้งให้ผู้โดยสารทราบว่า ขบวนรถไฟนานาชาติที่จะแล่นจากฮังการีไปยังยุโรปตะวันตกจะถูกระงับการเดินรถอย่างไม่มีกำหนด ระบุว่าขบวนรถไฟในประเทศพร้อมจะรับตั๋วเดินทางระหว่างประเทศ ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีวิคเตอร์ ออร์บานของฮังการีจะเดินทางไปยังกรุงบรัสเซลส์ เบลเยียมในวันนี้ เพื่อหารือกับผู้นำสหภาพยุโรป(อียู)ในเรื่องวิกฤติผู้อพยพ สำหรับฮังการีเป็นจุดผ่านแดนที่ผู้อพยพจะเดินทางขึ้นไปยังยุโรปตอนบน เช่นออสเตรียและเยอรมนี ที่ผ่านมาฮังการีถูกอียูกดดันอย่างหนักหลังสร้างรั้วกั้นพรมแดนติดต่อกับเซอร์เบีย เพื่อไม่ให้ผู้อพยพข้ามแดนไปยังยุโรปตอนบน

ก่อนหน้านี้ ผู้อพยพราว 3,000 คนที่ติดค้างอยู่ที่สถานีเกเลตีถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกันไม่ให้ขึ้นรถไฟเมื่อวันอังคารและวันพุธ บางช่วงสถานการณ์ตึงเครียดถึงขนาดที่ผู้อพยพบางคนเข้าชกต่อยกับตำรวจ ผู้อพยพได้ซื้อตั๋วรถไฟ หลังในช่วงแรกๆฮังการีดูเหมือนจะไม่ขึ้นทะเบียนผู้อพยพในช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้ผู้อพยพซื้อตั๋วเพื่อเดินทางต่อไปยังกรุงเวียนนา ออสเตรีย และนครมิวนิคทางตอนใต้ของเยอรมนี เบื้องต้นยังไม่ทราบชัดเจนว่าเหตุใด ทางการฮังการีจึงเปลี่ยนใจอนุญาตให้ผู้อพยพขึ้นรถไฟได้ในวันนี้ ที่ผ่านมาเรื่องจำนวนผู้อพยพที่เพิ่มขึ้นได้สร้างความตึงเครียดและความเห็นต่างในเรื่องนโยบายคนเข้าเมืองของกลุ่มอียู โดยเยอรมนี อิตาลีและฝรั่งเศสเรียกร้องให้มีการจัดสรรจำนวนผู้อพยพอย่างเป็นธรรมทั่วทั้งยุโรป ด้านอิตาลีและกรีซร้องเรียนว่าขณะนี้พวกเขาแบกรับจำนวนผู้อพยพเกินกว่าจะรับได้ ขณะที่ประเทศอื่นๆ เช่นเยอรมนี พร้อมจะรับผู้อพยพเพิ่มเติมขึ้น แต่ประเทศอื่นๆรวมถึงอังกฤษจะไม่รับผู้อพยพเพิ่ม

ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีต่างประเทศอียูจะประชุมในกรุงบรัสเซลส์วันศุกร์และวันเสาร์นี้เพื่อหารือเรื่องมาตรการแก้ไขปัญหานี้ สำหรับความรุนแรงของวิกฤติผู้อพยพปรากฏขึ้นชัดเจนเมื่อวานนี้ เมื่อเด็ก 5 ศพ รวมถึงเด็กชายวัย 3 ขวบและ 5 ขวบ พร้อมมารดา อยู่ในกลุ่มผู้อพยพ 12 ศพที่จมน้ำเสียชีวิตในน่านน้ำตุรกี ขณะพยายามจะเดินทางเรือไปยังกรีซ แต่เรืออัปปางเสียก่อน/16.02 น.