+++ความเคลื่อนไหวด้านเศรษฐกิจ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มอบหมายนโยบาย 4 ด้าน ให้กระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชนนำไปปฏิบัติ เพื่อรองรับกับนโยบายใหม่ๆ ของรัฐบาล ที่จะดูแลเศรษฐกิจไทยภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปประกอบด้วย การดูแลราคาสินค้า, รักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร, ร่วมกันขับเคลื่อนภาคส่งออก และการหามาตรการเสริมในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระดับท้องถิ่น การดูแลราคาสินค้า และค่าครองชีพของประชาชน เนื่องจาก นายกรัฐมนตรี ระบุว่า มีเสียงบ่นจากประชาชนว่าราคาอาหารยังแพง สวนทางกับราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ปรับลดลงไปมาก โดยขอให้กระทรวงพาณิชย์จัดทีม หรือใช้เครือข่ายของพาณิชย์จังหวัดลงพื้นที่ ไปตรวจสอบสถานการณ์ราคาสินค้า หากพบว่าฉวยโอกาสให้ใช้กฎหมายเด็ดขาดเข้าไปแก้ปัญหา ขณะที่ กระทรวงพาณิชย์ จัดทำตลาดกลางสินค้า และตลาดชุมชน เพื่อกระจายไปยังท้องถิ่นให้ทั่วถึงมากขึ้น เพื่อให้เป็นกลไกบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนที่ต้องเผชิญกับปัญหาสินค้าราคาแพง เป็นการจัดหาสินค้าที่จำเป็น หรือช่วยกระจายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพในบางรายการเพื่อให้ลงไปในภูมิภาคมากขึ้น ซึ่งตรงนี้จะช่วยทำให้สินค้ามีต้นทุนที่ลดลง
+++สำหรับเรื่องการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ต้องจัดทัพใหม่ โดยลำดับความสำคัญของกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพใหม่ และใช้วิธี เจาะตลาดในเชิงลึก พร้อมทั้งเข้าไปสร้างเครือข่ายหรือเสริมบุคลากรเพิ่ม เพราะบางประเทศเป็นตลาดใหญ่ แต่กลับมีทูตพาณิชย์และเจ้าหน้าที่ดูแลไม่กี่คน โดยให้เน้นตลาดอาเซียน, จีน, อิหร่าน, ปากีสถาน และรัสเซีย ให้มากขึ้น นายสมคิด มองว่า เรื่องการส่งออก เอกชนต้องเป็นคนนำ ส่วนกระทรวงพาณิชย์เป็นตัวเสริม ที่จะแก้ไขปัญหาอุปสรรคให้เอกชนเข้าไปบุกตลาดง่ายขึ้น ซึ่งนายกฯให้ความสำคัญจึงให้เอกชนไปจัดทัพกลุ่มที่เกี่ยวข้องและมาพบนายกรัฐมนตรี เพราะ 10 ปี ที่ผ่านมา ความสามารถในการแข่งขันด้านสินค้าของไทยถดถอย ดังนั้นมีอะไรที่รัฐบาลช่วยได้ก็จะนำไปปรึกษาหารือกับ นายกรัฐมนตรีโดยตรง ต่อไปหากตัวเลขส่งออกติดลบ ก็ต้องไปถามเอกชนว่าเกิดอะไรขึ้นแต่หากมีปัญหาอุปสรรค และไม่แก้ถึงค่อยมาถามกระทรวงพาณิชย์ ว่าเกิดจากสาเหตุใด
+++หอการค้าไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความ เชื่อมั่นของผู้บริโภคและพฤติกรรมการใช้จ่ายที่มีผล ต่อการก่อหนี้ภาคครัวเรือนว่าจะมีแนวโน้มไปในทิศทางใด ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
+++นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะปาฐกถาพิเศษเรื่อง ภาวะเศรษฐกิจและสังคม ในงานสัมมนาและนิทรรศการ ศาสตราจารย์สังเวียน ฟอรั่ม 2015
+++นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ที่ ประชุม กกร.มีมติเสนอให้รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีก 8 มาตรการ แบ่งเป็นระยะสั้น 1-6 เดือน 4 มาตรการ โดยเฉพาะการเรียกร้องให้ตั้งทีมเศรษฐกิจระดับจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน และหน่วยราชการ เช่น กระทรวงพาณิชย์, คลัง, อุตสาหกรรม, คมนาคม, เกษตรและสหกรณ์, ไอซีที, การท่องเที่ยวและกีฬา และผู้แทนจาก กกร. เพื่อกระตุ้นให้เกิดการค้า การลงทุนระดับภูมิภาคมากขึ้น จากปัจจุบันการกระตุ้นเศรษฐกิจภูมิภาคยังไม่ร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว
+++เร่งเพิ่มศักยภาพธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) ด้วยการลดภาษีเงินได้แก่ผู้ประกอบการ เหลือร้อยละ 5-15 ตามขั้นบันได จากปัจจุบันที่ร้อยละ 20 เพื่อให้จูงใจการจ่ายภาษีถูกต้องตามกฎหมาย, ผลักการค้าชายแดน โดยกำหนดเป้าหมายการค้าชายแดน 2 ล้านล้านบาท ภายในปี 60 จากปัจจุบันที่ 1.4 ล้านล้านบาท, ขยายหน้าที่พาณิชย์จังหวัด เพื่อส่งเสริมการค้าชายแดน และจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้า และศูนย์เอสเอ็มอีเอาท์เล็ท ในพื้นที่ชายแดนที่มีศักยภาพ และการสร้างกำลังซื้อภายในประเทศโดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร ได้แก่ การเร่งรัดการระบายสต๊อกข้าวอย่างน้อย 50% เพื่อที่จะได้เงินหมุนเวียนและลดค่าใช้จ่ายของรัฐ
+++ระยะกลาง 6-12 เดือน ได้แก่ การสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจภายในประเทศ เน้นสหกรณ์การเกษตร เพื่อสนับสนุนเกษตรกรทั้งด้านการผลิตและการตลาด, การปรับวิธีการสรรหาผู้แทนการค้าไทย โดยให้กกร.ร่วมในการจัดสรรหา เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้แทนของประเทศในการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ โดยขึ้นตรงกับสำนักนายกรัฐมนตรี, สนับสนุนโครงการโปรดักส์ แชมเปี้ยน เพื่อยกระดับเอสเอ็มอี ให้บริหารจัดการที่ได้มาตรฐานและเติบโตสู่ตลาดหลักทรัพย์ และการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการภาครัฐ โดยสร้างกลไกพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่ง ขันของประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพภาครัฐ ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ด้วยการอัดเงินลงสู่ท้องถิ่น 1.3 แสนล้านบาทนั้น เชื่อว่าจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และการบริโภคภายในประเทศให้ดีขึ้นได้ คาดว่าจะเห็นผลใน 3 เดือนนี้
+++นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นของรัฐบาล ด้วยการอัดฉีดเงินเข้าชุมชน 1.3 แสนล้านบาท โดยเฉพาะเงินกองทุนหมู่บ้าน ถือเป็นยาแรงที่สุดและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด เพราะเป็นการเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อยในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว แต่รัฐต้องกำหนดหลักเกณฑ์ในการปล่อยสินเชื่อให้รัดกุมเพื่อไม่ให้ใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ และเชื่อว่ามาตรการนี้จะไม่ทำให้เกิดปัญหาหนี้ครัวเรือนสูงขึ้น เนื่องจากเงินดังกล่าวรัฐบาลรับภาระแทนประชาชนทั้งหมด.
+++หุ้นต่างประเทศ ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐฯ ปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ เพราะได้รับแรงหนุนจากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Beige Book) ทั้ง 12 เขตระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงขยายตัวได้ดี นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงอย่างหนักติดต่อกันหลายวันก่อนหน้านี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายในแดนบวก โดยดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 293.03 จุด ปิดที่ 16,351.38 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี500 เพิ่มขึ้น 35.01 จุด ปิดที่ 1,948.86 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็กเพิ่มขึ้น 113.87 จุด ปิดที่ 4,749.98 จุด ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างหนักติดต่อกันหลายวันทำการก่อนหน้านี้ อันเป็นผลมาจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจโลก ตลาดได้รับแรงหนุนมากขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯเปิดเผยว่า ประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบรายไตรมาส โดยเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2013 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าประสิทธิภาพการผลิตจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 ในไตรมาส 2
+++ ราคาน้ำมันฟื้นตัวเล็กน้อย หลังพบกำลังผลิตในสหรัฐฯลดลง น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 84 เซนต์ ปิดที่ 46.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 94 เซนต์ ปิดที่ 50.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านราคาทองคำ ปรับลดจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นและการฟื้นตัวของตลาดทุนทำให้นักลงทุนเมินสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 6.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,133.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์
+++เปิดงานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 36 ตั้งแต่วันนี้ถึง 6 ก.ย. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายใต้รูปแบบเที่ยวไทยคุ้มเว่อร์ แบ่งเป็นกลุ่มโรงแรมกว่าร้อยละ 80 และกลุ่มแพ็กเกจทัวร์และบริการสินค้าท่องเที่ยวอื่น ๆ อีกร้อยละ 20
+++นายศุกรีย์ สิทธิวนิช รองผู้ว่าการ ด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท. เตรียมออกแคมเปญกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยว ในช่วงไฮซีซั่น เช่น การท่องเที่ยวข้ามภูมิภาค กอดเมืองไทยให้หายเหนื่อย ดรีมเดสติเนชั่น 3 เป็นต้น เพื่อหวังช่วยผลักดันรายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศให้เพิ่มขึ้น เนื่องจากขณะนี้ได้คาดการณ์รายได้จากตลาดคนไทยเที่ยวไทยในปีนี้ จะมีรายได้ประมาณ 7 แสนล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 8 แสนล้านบาท เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังคงอยู่ในภาวะชะลอตัว โดยเฉพาะในภาคการเกษตร
+++ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าววว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวคนไทยใช้จ่าย 1,200 บาทต่อวันแบบไม่ค้างแรม แต่หากว่ามีการกระตุ้นให้พักค้างคืนจะใช้จ่ายราว 3,600 บาทต่อทริป ดังนั้น ททท. ก็จะต้องมีกิจกรรมเพื่อสร้างความมั่นใจทำให้คนกล้าตัดสินใจเดินทางมากขึ้น
+++พล.อ. ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่ชุมชนริมคลองหัวหมากน้อย แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ เพื่อตรวจเยี่ยม รับฟังปัญหา และให้ความช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่ได้รับผลกระทบจากกรณีพ่อแม่ถูกจับกุมในคดียาเสพติด พร้อมให้คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม เปิดรับฟังปัญหาและให้คำปรึกษาด้านต่างๆ แก่ประชาชน ณ มัสยิดดารุลอิบาดะห์ ชุมชนวังโสม เขตบางกะปิ
+++พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. นำกำลัง 15 นาย ปิดล้อมที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บางไทรป่า อ.บางเลน จ.นครปฐม จับกุมนักพนันด้านหลังห้องประชุม เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบแฝงตัวเป็นนักพนันจับกุมตัวได้ทั้งสิ้น 26 คน พร้อมยึดของกลาง มีรายงานว่า นายถนอม ตรีเดชา นายก อบต.บางไทรป่า อ.บางเลน นั่งอยู่ในห้องดังกล่าวด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เชิญตัวมาสอบสวนที่ สภ.บางเลนด้วย พล.ต.ต.พจน์ บุญมาภาคย์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม ออกคำสั่งให้ พ.ต.อ.ชัชพงศ์ สุขบุญชูเทพ ผกก.สภ. บางเลน พ.ต.ท.ขวัญชัย ด่านปรีดา รอง ผกก.(ป.) พ.ต.ท.ทูน เดชคุณมาก พ.ต.ท.วิโรจน์ บำรุงกิจ สว.สส. พ.ต.ต.สมยศ ทรัพย์จรัสแสง สวป.สภ.บางเลน ให้มาช่วยราชการที่สำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เนื่องจากก่อนหน้านี้ เคยสั่งการทุก สภ.ให้ช่วยกันสอดส่อง ห้ามให้มีการแอบลักลอบเล่นการพนันในพื้นที่โดย เด็ดขาด
+++จากเหตุอพาร์ตเมนต์กิดเพลิงไหม้อยู่ในเขตที่ 18 บริเวณเชิงเขามองต์มาร์ต ทางตอนเหนือของกรุงปารีส ของฝรั่งเศส นับเป็นเหตุเพลิงไหม้ครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปี ของกรุงปารีส สื่อในฝรั่งเศส ระบุว่า ตำรวจจับผู้ต้องสงสัยวางเพลิงเป็นชายอายุประมาณ 30 ปีได้ 1 คนพร้อมกับเทียนและไฟแช็ก โดยอาศัยปากคำจากพยานผู้เห็นเหตุการณ์และภาพจากกล้องวงจรปิด
CR:แฟ้มภาพ