+++สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานอ้างนายเทต เนอร์คิน นักวิเคราะห์ด้านกลาโหมและอวกาศของบริษัทวิจัยไอเอชเอสว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน มุ่งมั่นจะให้การจัดพิธีสวนสนามครั้งใหญ่ของกองทัพจีนในวันนี้ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งผู้นำประเทศเมื่อปี 2555 ดำเนินไปอย่างราบรื่นเนื่องจากเป็นโอกาสที่จีนจะแสดงแสนยานุภาพทางทหารทั้งในประเทศและในระดับภูมิภาค ขณะเดียวกันพันธมิตรของสหรัฐฯในเอเชีย เช่น ญี่ปุ่นและไต้หวัน คงจะเฝ้ามองอาวุธยุทโธปกรณ์ที่จีนแสดงในขบวนสวนสนามครั้งนี้ โดยเฉพาะเทคโนโลยีขีปนาวุธพิสัยไกล
+++การจัดพิธีสวนสนามครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวาระ 70 ปีหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 จะเป็นโอกาสที่ผู้นำจีนได้เบี่ยงความสนใจของสาธารณะชนจากปัญหาวุ่นวายในตลาดหุ้นและเหตุระเบิดของสารเคมีครั้งใหญ่ในเมืองเทียนจิน มีคนเสียชีวิตกว่า 150 ศพ พิธีครั้งนี้ ทหาร 12,000 นาย เครื่องบินรบ 200 ลำและอาวุธยุทโธปกรณ์ 500 รายการ เคลื่อนขบวนผ่านย่านใจกลางเก่าแก่ของกรุงปักกิ่ง รัฐบาลประกาศวันหยุดราชการ 3 วันเพื่อให้ประชาชนได้ชมพิธีสวนสนามครั้งนี้
+++ประธานาธิบดีมัมนูน ฮุสเซน ของปากีสถาน นำคณะเดินทางเยือนจีน เพื่อเข้าร่วมพิธีสวนสนามกองทัพ ได้เปิดเผยต่อประธานาธิบดีสี ผู้นำจีน ระหว่างการประชุมหารือทวิภาคี ที่มหาศาลาประชาชนในกรุงปักกิ่ง ว่า กองกำลังความมั่นคงปากีสถานประสบความสำเร็จ สามารถกำจัดนักรบกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงชนเชื้อสายอุยกูร์ รวมถึงกลุ่ม แนวร่วมอิสลามเตอร์กิสถานตะวันออก หรือ อีทีไอเอ็ม (East Turkestan Islamic Movement : ETIM) ที่อยู่ในดินแดนปากีสถาน ได้ เกือบทั้งหมด หากจะมีเหลืออยู่ก็น้อยมาก พร้อมกับย้ำว่า จีนและปากีสถานเป็น พี่น้องใจเด็ด และจะกระตือรือร้นให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันเสมอ
+++เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ มีชนเชื้อสายอุยกูร์ ซึ่งพูดภาษาตุรกี และส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ประมาณ 10 ล้านคน จากทั้งหมดราว 22 ล้านคนในเขต และเกิดเหตุรุนแรงเป็นระยะ มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน ซึ่งทางการจีนระบุว่าเป็นฝีมือของขบวนการแบ่งแยกดินแดน กลุ่มอีทีไอเอ็มจะเกณฑ์ชาวอุยกูร์ที่หนีจากซินเจียงไปตุรกี แล้วพาไปฝึกฝนการก่อความรุนแรงกับกลุ่มติดอาวุธในซีเรียและอิรัก เพื่อให้กลับมาทำสงครามศักดิ์สิทธิ์ในซินเจียง
+++ไปที่ประเทศเวียดนาม เมื่อวานนี้ ชาวเวียดนามกว่า 30,000 คน ทั้งข้าราชการ หทาร ตำรวจและประชาชน ร่วมเดินสวนสนามในพิธีเฉลิมฉลองวันประกาศเอกราช ซึ่งถือเป็นวันชาติ และปีนี้ตรงกับครบรอบ 70 ปี ที่จัดอย่างยิ่งใหญ่ บริเวณลานจัตุรัสบ่าดินห์ ในกรุงฮานอย เพื่อรำลึกถึงวันที่ อดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์ บิดาผู้ก่อตั้งประเทศ ได้ประกาศการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 2488 พ้นจากการตกเป็นดินแดนอาณานิคมของฝรั่งเศสนานเกือบ 1 ศตวรรษ ก่อนที่ประเทศจะเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการเป็น สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในเวลาต่อมาจนถึงปัจจุบัน
+++ประธานาธิบดีเจือง เติ่น ซัง ผู้นำเวียดนาม ซึ่งเป็นประธานในพิธี กล่าวสุนทรพจน์เรียกร้องให้มีการพัฒนาขีดขั้นสมรรถนะกองทัพเวียดนาม ให้ทันสมัยมากขึ้นอีก ท่ามกลางความขัดแย้งเกี่ยวกับอธิปไตยทางทะเลเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในเขตน่านน้ำทะเลตะวันออก ซึ่งประธานาธิบดีเจืองหมายถึงคำที่ชาวเวียดนามใช้เรียกทะเลจีนใต้ ที่เวียดนามกำลังเกิดกรณีพิพาทกับมหาอำนาจจีนแผ่นดินใหญ่ โดยประธานาธิบดีเจืองกล่าวย้ำว่า ความขัดแย้งเหนือทะเลและหมู่เกาะ ถือเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อสันติภาพ เสถียรภาพ รวมทั้งอำนาจอธิปไตยและความเป็นเอกภาพแห่งดินแดนของเวียดนาม
+++เกาหลีใต้ กล่าวหาเกาหลีเหนือ ส่งโดรน อากาศยานสอดแนมไร้คนขับ ข้ามพรมแดนระหว่างการเจรจาที่มีเป้าหมายยุติการเผชิญหน้าทางทหาร คณะเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า เรดาร์ของพวกเขาตรวจพบอากาศยานไร้คนขับต้องสงสัยลำหนึ่งเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ในเขตปลอดทหาร(DMZ)เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม การบินสอดแนมมีขึ้นขณะเจ้าหน้าระดับสูงของสองเกาหลีเริ่มเจรจาเพื่อลดความตึงเครียดอย่างต่อเนื่องหลายวัน จนกระทั่งสองเกาหลีตกลงเห็นพ้องกัน โดยเกาหลีใต้ ยอมยกเลิกการกระจายเสียงผ่านลำโพงโฆษณาชวนเชื่อเข้าไปยังเกาหลีเหนือ ขณะที่ เกาหลีเหนือแสดงความเสียใจต่อเหตุทหารเกาหลีใต้เหยียบกับระเบิด
+++แรงงานอินเดียหลายล้านคนทั่วประเทศ พร้อมใจกันหยุดงานเป็นเวลา 24 ชม. เพื่อประท้วงนโยบายเศรษฐกิจของ นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ซึ่งระบุว่า จะทำให้คนงานเสี่ยงต่อการถูกปลดง่ายขึ้น และส่งผลกระทบต่อประชาชนกลุ่มรายได้น้อยทั่วไป ตัวแทนกลุ่มสหภาพแรงงงานยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล ให้ยกเลิกแผนการขายทิ้งหุ้นในบริษัทต่างๆ ของรัฐ เพื่อเพิ่มตัวเลขเงินในคลัง และปิดโรงงานที่ขาดทุน
+++10 สหภาพแรงงานหลักเข้าร่วมการหยุดงานประท้วงรัฐบาลในครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นการประท้วงครั้งใหญ่สุดของอินเดีย ในรอบกว่า 2 ปี โดยคาดว่าจะมีคนงานหยุดงานราว 150 ล้านคน รวมถึงภาคการธนาคาร โรงงานผลิต การก่อสร้าง และเหมืองแร่ การประท้วงยังกระทบต่อการคมนาคมขนส่ง ประชาชนที่ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะและนักเรียนนักศึกษา ยืนต่อคิวยาวตามป้ายจอดรถโดยสาร ขณะที่ผู้โดยสารเครื่องบินตกค้างตามสนามบินต่างๆ เป็นจำนวนมาก เนื่องจากรถแท็กซี่และรถสามล้อโดยสารพร้อมใจกันหยุดวิ่งให้บริการ แผนการปฏิรูปกฎหมายแรงงานของรัฐบาล จะทำให้คนงานถูกปลดออกจากงานง่ายขึ้น เศรษฐกิจอินเดียเติบโตช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 7.0 ในไตรมาสแรกของปีการเงินนี้
+++กลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส) ประกาศแสดงความรับผิดชอบ ต่อเหตุการณ์ระเบิด 2 ครั้ง โจมตีมัสยิดของชาวนิกายชีอะห์ ในกรุงซานา เมืองหลวงเยเมน เมื่อช่วงเย็นวันพุธ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 28 ศพ ได้รับบาดเจ็บอีก 75 คน แถลงการณ์ของกลุ่มไอเอสผ่านทางทวิตเตอร์ ระบุว่า มือระเบิดฆ่าตัวตายของไอเอส ชื่อ นายกูไซ อัล-ซานาอานี แฝงตัวเข้าไปปะปนกับประชาชนที่กำลังประกอบศาสนกิจภายในมัสยิด ก่อนจะดึงชนวนระเบิดสายคาดโจมตี และในเวลาไล่เรี่ยกัน รถยนต์ซุกระเบิด หรือคาร์บอมบ์ ที่กลุ่มไอเอสจอดไว้ด้านนอกมัสยิด เกิดระเบิดขึ้น
+++สำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น ประกาศหลังการประชุมฉุกเฉินในกรุงโตเกียว โดยมีผู้บัญชาการตำรวจจากทั้ง 47 จังหวัดทั่วประเทศเข้าร่วม เตือนให้ตำรวจทั่วประเทศเฝ้าระวัง การก่อความรุนแรง หลังเกิดความแตกแยกภายในแก๊งยามากูชิ-กูมิ ซึ่งเป็นแก๊งยากูซ่าขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ มีสมาชิกในสังกัดประมาณ 39,000 คน รายงานของสื่อท้องถิ่น ระบุว่า ชิโนบุ สึกาสะ หรือชื่อจริงว่า เคนอิจิ ชิโนดะ เจ้าพ่อใหญ่คนที่ 6 และคนปัจจุบันของยามากูชิ-กูมิ ขับไล่หัวหน้าระดับรอง 13 คนออกจากแก๊ง โดย 11 คนในจำนวนนี้กำลังรวมตัวกันตั้งแก๊งใหม่ ซึ่งอาจจะรวบรวมสมาชิกของแก๊งอื่นๆ มาเข้าสังกัดด้วย ยากูซ่าญี่ปุ่นไม่เหมือนแก๊งอาชญากรรมต่างชาติ ตรงที่เป็นองค์กรไม่ผิดกฎหมาย และแต่ละแก๊งมีสำนักงานใหญ่ของตัวเอง
+++นางแอนน์ ฮีดัลโก นายกเทศมนตรีกรุงปารีส ฝรั่งเศสว่า เกิดไฟไหม้อพาร์ทเมนท์หลังหนึ่งทางตอนเหนือของกรุงปารีส มีคนเสียชีวิต 8 ศพ รวมถึงเด็ก 2 ศพ ส่วนผู้รอดชีวิต 4 คน บางคนบาดเจ็บสาหัส ขณะนี้พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ชาวบ้านบางคนที่รอดชีวิตเพราะปีนลงมาทางหน้าต่าง นอกจากนั้น ชาวบ้านในอาคารพักอาศัยอีก 15 แห่งในบริเวณโดยรอบได้รับผลกระทบจากควันไฟ นับเป็นหนึ่งในเหตุไฟไหม้ครั้งร้ายแรงที่สุดในกรุงปารีสในรอบ 10 ปี
ตำรวจอยู่ระหว่างสอบสวนว่ามีการลอบวางเพลิงหรือไม่ มีการระดมนักดับเพลิงกว่า 100 คนไปปฏิบัติงาน ใช้เวลาราว 3 ชั่วโมงจึงดับเพลิงได้ นายกเทศมนตรีกรุงปารีสได้แสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต และจะมีการจัดพิธีไว้อาลัยผู้เสียชีวิตในวันนี้
+++นางคริสติน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ เปิดเผยระหว่างการเยือนกรุงจาการ์ตา ของอินโดนีเซียว่า เศรษฐกิจเอเชียยังดำเนินไปได้สวย แม้จะเกิดความผันผวน เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และความวิตกกังวลต่อตลาดเงิน เอเชียยังคงเป็นแกนเศรษฐกิจโลก การเติบโตแบบชะลอตัวของมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างจีนและญี่ปุ่น รวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ตกต่ำ และมีโอกาสสูงที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯ จะยังคงมีความสำคัญต่อตลาดโลก แม้มีแรงกดดันจากภายนอก และการขยายตัวในเอเชียช้าลง แต่นางลาการ์ด ระบุว่า ภูมิภาคเอเชียยังคงไปได้สวย และยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
CR:แฟ้มภาพ