*รอบวัน:พล.อ.เปรมย้ำคอรับชั่นน่ารังเกียจ/ถอนพาสปอร์ตจาตุรนต์/สอบยูซุฟเอียวระเบิดราชประสงค์*

สรุปข่าว 19.35น.

+++พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธานในการเปิดงานครบรอบ 60 ปี แห่งการสถาปนาคณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โดยพล.อ.เปรม กล่าวตอนหนึ่งว่า ประชานิยมเป็นเรื่องที่มีปัญหาทำให้ประชาชนบางคนไม่คิดจะทำอะไรเอง คอยรับระบอบประชานิยมแล้ว ก็ทำร้ายประเทศของเรา ทำให้คนของเราอ่อนแอ ปัญหาคุณธรรมจริยธรรม และค่านิยมในสังคมของเรา เปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ "เราจะต้องสอนคนไทยให้เข้าใจว่า คอร์รัปชันเป็นปัญหาที่ร้ายแรงที่สุด เป็นเรื่องขายหน้าที่สุดและจะปล่อยปละละเลยต่อปัญหานี้ไม่ได้ วิธีทำเพื่อช่วยปปช.ในการแก้ปัญหาคอร์รัปชัน ต้องสอนให้คนเข้าใจว่า คอร์รัปชันเป็นปัญหาที่เลวร้ายที่สุด เราจะต้องไม่ยอมให้ปัญหานี้มีอยู่ในประเทศของเรา หรือมีก็ขอให้น้อยที่สุด ต้องสอนให้คนรู้จักคุณธรรมจริยธรรม ให้รู้จักว่าคอร์รัปชันนี้คือโรค ถ้าเปรียบก็เป็นโรคร้ายที่ยากมาก อาจจะรักษาไม่หายก็ได้

+++ประธานองคมนตรี ย้ำว่าพูดหลายแห่งแล้วว่า เราต้องเลิกเคารพนับถือ กราบไหว้ เลิกคบค้าสมาคมกับคนที่คอร์รัปชัน โดยคนบางสถาบัน บางกลุ่มได้แบ่งการคอร์รัปชันออกเป็นว่า เป็นการคอร์รัปชันเชิงอำนาจกับคอร์รัปชันเชิงผลประโยชน์ แต่ตนคิดว่าจะขยายความอย่างไรก็ตาม คนที่คอร์รัปชันก็คือคนที่โกงชาติของเรานั่นเอง คนที่คอร์รัปชันเป็นคนที่ทำให้เราขายหน้า เดินไปไหนเขาก็ชี้หน้าว่าคนไทยเป็นคนที่คอร์รัปชันเก่ง เป็นการด่าเชิงชม บางคนที่ได้รับเลื่อนยศได้รับภาระสูงขึ้นไม่ใช่เพราะว่าเก่ง แต่เพราะว่าใช้วิธีคอร์รัปชัน เอาของส่วนรวมเป็นของส่วนตัว

+++นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับใหม่ที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เตรียมลงมติในวันที่ 6 ก.ย.นี้ ว่า ครม.รับทราบเนื้อหาของร่างฯ ซึ่งเนื้อหาลดลงเหลือ 285 มาตราจากจากทั้งหมด 315 มาตรา รวมถึงอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) โดยนายกรัฐมนตรีไม่มีข้อกังวลใดๆ และชี้แจงว่าคปป.มีทั้งอำนาจในยามปกติ และอำนาจพิเศษในยามวิกฤต ตามมาตรา 280 และจะใช้ได้เมื่อสภาเห็นชอบด้วยจำนวนเสียง 2 ใน 3 และต้องอยู่ในภาวะที่รัฐบาลไม่สามารถใช้อำนาจควบคุมและแก้ไขวิกฤติได้แล้ว และต้องขอความเห็นจากประธานศาลปกครอง ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ถือเป็นมาตรการที่รัดกุมตามแบบฉบับที่เขียนในรัฐธรรมนูญของต่างประเทศ นอกจากนี้ ที่ประชุมไม่ได้กังวลกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของหลายฝ่าย

ส่วน สปช.บางส่วนระบุว่ารัฐบาลส่งสัญญาณให้โหวตคว่ำร่างฯ เนื่องจากกลัวว่าจะความขัดแย้งขึ้นมาอีก นายวิษณุ กล่าวว่า รัฐบาลก็ไม่ได้ส่งสัญญาณอะไร ไม่เคยบอก ถ้าจะส่งสัญญาณพูดไปตรงๆไม่ดีกว่าหรือ แม้บรรดานักการเมืองจะออกมาวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญ ก็ไม่ถือว่าเป็นอะไร ไม่ถือเป็นความแตกแยก แต่ไปมองในเรื่องอื่นมากกว่าที่ทำให้ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ส่วนผลการประชามตินั้น ในรัฐธรรมนูญ ชั่วคราว ฉบับแก้ไข พ.ศ.2558 มาตรา 37 (7) ไม่ได้นับว่ามีผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติจำนวนเท่าไหร่ แต่ให้นับว่ามีผู้มาใช้สิทธิจำนวนเท่าไหร่ และร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านการออกเสียงประชามติได้ ต่อเมื่อมีเสียงเกินครึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิออกเสียงประชามติ ซึ่งต่างจากพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติปี 2550 ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการลงประชามติในประโยชน์ของสาธารณะ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ

+++รายงานจาก กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ได้ดำเนินการยกเลิกหนังสือเดินทาง(พาสปอร์ต) ทุกเล่มของนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการ แกนนำพรรคเพื่อไทย ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)ได้ส่งหนังสือมาเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อยื่นคำร้องขอให้กระทรวงการต่างประเทศ ยกเลิกพาสปอร์ต ซึ่งขณะนี้มีผลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยในหนังสือระบุถึงสาเหตุการยกเลิกพาสปอร์ตของนายจาตุรนต์ว่า มาจากการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องที่นายจาตุรนต์ เป็นผู้ต้องหาคดีขัดคำสั่ง คสช.ที่ไม่เข้ารายงานตัว ในการกระทำการยุยง ปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบ หรือละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 กรณีร่วมปาฐกถาที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ

+++ด้าน นายจาตุรนต์ เปิดเผยว่า เบื้องต้นตนยังไม่ทราบรายละเอียด เพราะยังไม่ได้รับแจ้งจากทางกระทรวงการต่างประเทศ หากเป็นไปตามข่าวจริงตนก็คงจะต้องไปขอทราบเหตุผลว่ายกเลิกด้วยเหตุอะไร และคงต้องดำเนินการเพื่อให้ได้สิทธิกลับคืนมา นอกจากนี้ยังไม่แน่ใจว่ากระทรวงการต่างประเทศใช้อำนาจตามกฎหมายใดในการยกเลิกหนังสือเดินทางของตน และใช้อย่างถูกต้องหรือไม่   มีรายงานว่ากระทรวงการต่างประเทศ ได้ทำหนังสือได้ทำหนังสือเวียนแจ้งให้สถานเอกอัครราชทูตไทยและสถานกงสุลใหญ่ไทยที่ประจำการทั่วโลกได้ทราบถึงการยกเลิกพาสปอร์ตทุกเล่มของนายจาตุรนต์ด้วย

+++นายดับเบิลยู แพทริค เมอร์ฟี่ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย พร้อมด้วยคณะทูตทหารสหรัฐอเมริกา เดินทางเข้าพบปะนายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา  นายดับเบิลยู แพทริค เมอร์ฟี่ กล่าวภายหลังการพบปะพูดคุย ถึงเหตุระเบิดกรุงเทพฯ ว่าระเบิดที่แยกราชประสงค์ และสะพานสาทร ในฐานะตัวแทนของรัฐบาลอเมริกัน ทางสถานทูตได้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งไปให้กับเหยื่อของทุกรายในเหตุระเบิด พร้อมประณามการก่อเหตุรุนแรงที่รับไม่ได้นี้ด้วย ส่วนความพอใจกับการจับกุมคนร้ายได้นั้น คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องคดีต้องเป็นเรื่องของภายในของเจ้าหน้าที่ฝ่ายของไทย แต่สามารถพูดได้ว่า ทางสหรัฐอมริกาเองอยากทำตัวเป็นประโยชน์เหมือนกัน ในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนกับประเทศไทย

+++การตรวจค้นกลุ่มผู้ต้องหาคดีระเบิดราชประสงค์พบพาสปอร์ตปลอมจำนวนมาก พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า แม้ดีเอสไอจะไม่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนคดีระเบิด แต่ได้สั่งการให้ดีเอสไอเร่งตรวจสอบเทียบเคียงกับการสอบสวนในคดีปลอมพาสปอร์ต เพื่อเชื่อมโยงให้เห็นถึงโครงข่ายของคนร้ายกลุ่มนี้กับขบวนการปลอมแปลงพาสปอร์ตกลุ่มต่างๆ ที่เป็นอาชญากรรมข้ามชาติในหลายคดี โดยจะเสนอให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีวางมาตรการแก้ไขปัญหาพาสปอร์ตปลอมทั้งระบบ เพื่อดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมเช่นเดียวกับการแก้ปัญหาเด็กแว้น

++++หลังการจับกุมนายยูซูฟู ผู้ต้องสงสัยในคดีระเบิดแยกราชประสงค์ และท่าน้ำสาทร ได้ที่บริเวณด่านตรวจบ้านป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จากการตรวจสอบในสัมภาระของผู้ต้องสงสัยพบหลักฐานบางอย่างที่ระบุได้ว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มที่ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่จึงได้นำดีเอ็นเอและลายนิ้วมือไปทำการตรวจสอบ และยืนยันว่าตรงกับลายนิ้วมือแฝงในห้องพักเลขที่ 414 ของพูลอนันต์อพาร์ทเมนต์ รวมทั้งมีการนำรูปถ่ายหน้าตรงของนายยูซูฟูมาให้พยานตรวจสอบซึ่งก็ได้รับการยืนยันว่าเป็นบุคคลเดียวกับที่เคยพักอาศัยในห้องพักดังกล่าว  จากการสอบปากคำเบื้องต้น นายยูซูฟูยอมรับว่าอยู่ในสถานีรถไฟหัวลำโพงในช่วงเย็นของวันที่เกิดเหตุ (17 ส.ค.) รวมทั้งขณะเกิดเหตุตนก็ได้อยู่ที่แยกราชประสงค์ แต่ไม่มีส่วนรู้เห็นกับระเบิด ในช่วงที่เกิดระเบิดได้วิ่งหนีไปยังประตูน้ำ   แนวทางการสืบสวนไม่ปักใจเชื่อในคำให้การ คาดว่านายยูซูฟูมีส่วนรู้เห็นกับการก่อเหตุในครั้งนี้ ส่วนจะใช่คนวางระเบิดหรือคนประกอบระเบิดนั้นอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน

+++หลังการหารือร่วมกับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) และบริษัทอิตาเลียนไทยในการจัดการจราจรเพื่อดำเนินการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บังคับการตำรวจจราจร(บก.จร.) เปิดเผยว่า ในที่ประชุมได้ข้อสรุปให้มีการเริ่มปิดการจราจรบริเวณถนนพหลโยธินทั้ง 8 จุด ตั้งแต่เวลา 01.00 น. ของวันที่ 8 ก.ย.นี้ โดยจะเริ่มปิดสะพานข้ามแยกเกษตรเพื่อทำการรื้อถอนตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย.นี้เป็นต้นไป

+++การดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลให้การจราจรบริเวณข้ามแยกเกษตรเหลือการจราจรเฉพาะพื้นที่ถนนแนวราบเพียง 4 ช่องจราจรคือไป 2 ทางและกลับ 2 ทาง โดยคาดว่าจะใช้เวลาในการรื้อถอนสะพานข้ามแยกเกษตรประมาณ 2 เดือน ก่อนเริ่มดำเนินการก่อสร้างเสาตอหม้อรถไฟฟ้าที่จะใช้เวลาอีกประมาณ 30 เดือน ซึ่งระบบการจราจรบริเวณสี่แยกมหาวิทยาเกษตรศาสตร์จะมีการปรับสัญญาณไฟจราจรใหม่ให้สอดคล้องกับสภาพการจราจร โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วนเพื่อระบายรถในช่วงขาออกให้ได้มากที่สุด และจะประชาสัมพันธ์เส้นทางเลี่ยงให้ประชาชนรับทราบ เช่น การให้เลี่ยงไปใช้เส้นทางวิภาวดีรังสิต  ,ถนนประเสริฐมนูกิจ และถนนลาดพร้าว-วังหินส่วนสะพานข้ามแยกรัชโยธิน

โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการตัดสินใจของ รฟม. ซึ่งขณะนี้มีทางเลือก 2 แนวทาง คือ การสร้างสะพานข้ามแยกตามแนวรถไฟฟ้าเหนือสะพานเดิม และการรื้อสะพานออกเพื่อสร้างอุโมงค์ใต้สะพานเดิม ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาถึง 2 ปี โดยเส้นทางจราจรตลอดแนวก่อสร้างทั้งหมดผู้รับเหมาและ รฟม.ได้จัดเตรียมป้ายบอกทางไว้ทั้งหมดแล้ว ส่วนทางด้าน บก.จร.ได้มีการเตรียมเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรเพื่ออำนวยความสะดวกไว้ตามจุดที่มีการปิดการจราจร

+++ ศาลจังหวัดเพชรบุรี ได้มีการอ่านคำสั่งของศาลฎีกาตามคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉินตามกฎหมายอาญา มาตรา 90 ของนางพิณนภา พฤษาพรรณ ภรรยาของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ แกนนำชาวกะหร่าง และอดีตสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยแม่ ที่กล่าวหาว่า ถูกนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอช.แก่งกระจานในขณะนั้น พร้อมด้วยลูกน้อง ที่เป็นเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าของ อช.แก่งกระจาน อีก 3 คน ควบคุมตัวไป เมื่อวันที่ 17 เม.ย.2557 และยังไม่พบตัวจนถึงปัจจุบัน ศาลฎีกาได้พิเคราะห์แล้วสรุปได้ว่า การที่ผู้ร้องนำพยานขึ้นไต่สวนต่อศาลเป็นเพียงพยานบอกเล่าของนายกระทง โชควิบูลย์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 บ้านบางกลอย ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ที่ฟังมาจากพี่ชายของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ ส่วนนายแพทย์นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชน ก็เป็นพยานแวดล้อมเท่านั้น ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่า มีการควบคุมตัวนายพอละจีจริง ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

+++ นายชัยวัฒน์กล่าวว่า  จากนี้ไปจะให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลเหล่านี้ เพราะบางกลุ่มมีการสร้างพยานหลักฐานเท็จเพื่อป้ายสี  ส่วน นางอังคณา นีละไพจิตร ว่าที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนชุดใหม่ซึ่งมาร่วมฟังคำสั่งของศาลฎีกากล่าวว่า รู้สึกเสียใจที่ศาลไม่ให้เรียกพยานเพิ่ม แต่ยังหวังในกระบวนการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจในคดีอาญา และเชื่อมั่นว่า ดีเอสไอจะรับคำขอให้คดีนี้เป็นคดีพิเศษ

+++ โฆษกตำรวจมาเลเซียกล่าวว่า ตำรวจจะเชิญอดีตนายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัด วัย 90 ปี มาสอบปากคำ กรณีแสดงความเห็นต่อต้านรัฐบาล นับเป็นความพยายามของทางการมาเลเซียเพื่อขัดขวางการรณรงค์ของนายมหาเธร์ เพื่อกดดันนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ให้ลาออก เบื้องต้นยังไม่ทราบชัดเจนว่านายมหาเธร์จะถูกตั้งข้อหาใดๆหรือไม่ ด้านนายซูฟี ยูซอฟฟ์ ผู้ใกล้ชิด ระบุว่าขณะนี้นายมหาเธร์อยู่ระหว่างการเดินทางไปทำภารกิจส่วนตัวในจอร์แดนและจะเดินทางกลับราววันที่ 9 กันยายนนี้

+++ที่ประชุมองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซักของมาเลเซียชี้แจงเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับเงินลึกลับที่โอนเข้าบัญชีเงินฝากส่วนตัวของเขานายโฮเซ อุกาซ ประธานองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติกล่าวสุนทรพจน์เปิดการประชุมที่กรุงปุตราจายาของมาเลเซียในวันนี้ว่า มีคำถาม 2 ข้อที่ต้องการคำตอบ หนึ่งคือใครเป็นคนจ่ายเงินและจ่ายเพื่ออะไร สองเงินจำนวนนั้นหายไปไหน

+++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดลบในวันนี้ หลังนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ปิดลดลง  70.29 จุด  ที่ 18,095.40 จุด

+++ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบ6.46 จุด ที่ 3,160.17 จุด

+++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดลดลง 250.49 จุด ที่ 20,934.94 จุด

+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,372.45 จุด เพิ่มขึ้น 10.06 จุด  มูลค่าการซื้อขาย 41,158.22 ล้านบาท