ความคืบหน้า มือปืนบุกจ่อยิงนายสมยศ สุธางค์กูร อายุ 62 ปี อดีตเจ้าพ่อคาเฟ่เสียชีวิตคาที่ ขณะกำลังเดินมาขึ้นรถยนต์เมอร์เซเดส เบนซ์ ทะเบียน ฌร 3636 กรุงเทพมหานคร ที่จอดอยู่บริเวณลานจอดรถหลังร้านเฮง หูฉลาม ถนนพัฒนาการ แขวงและเขตสวนหลวง เมื่อค่ำวันที่ 29 มิถุนายน ล่าสุดเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนหลายหน่วยงาน ได้ทำการจับกุมตัว นายภานุพงษ์ รัสนา อายุ 32 ปี บ้านอยู่ แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กทม. ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพระโขนง เลขที่ 359/2558 ลงวันที่ 1 ก.ย.2558 ในข้อหา“ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีและใช้อาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต” เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ที่ซอยจรัญสนิทวงศ์ 35 แขวงบางพรม เขตตลิ่งชัน กทม. เมื่อเวลา 17.00 น. ของวันที่ 1 ก.ย.
รายงานข่าวระบุว่า ขั้นตอนจากนี้คือการขยายผล และยังอยู่ในกระบวนการสอบสวนโดยละเอียด ซึ่งเบื้องต้น นายภานุพงษ์ ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือยิงนายสมยศจริง โดยมีผู้จ้างวานเป็นผู้ชาย เนื่องจาก นายสมยศ ติดหนี้ผู้จ้างวานอยู่ ซึ่งในตอนแรกทางผู้จ้างวานได้ให้ นายภานุพงษ์ ไปทวงหนี้กับนายสมยศ แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดว่า นายสมยศ ติดหนี้เป็นจำนวนเงินกี่บาท เพียงแต่บอกว่าเป็นเงินจำนวนมหาศาล และนายสมยศ ไม่สามารถหาเงินมาใช้หนี้ได้ จึงให้นายภานุพงษ์ไปทวงถาม ระหว่างที่นายภานุพงษ์กำลังจะไปทวงหนี้ ทางผู้จ้างวานกลับเปลี่ยนใจให้ไปวางแผนก่อเหตุสังหารนายสมยศ โดยไม่ต้องทวงหนี้
หลังรับงานก็ไปเปิดห้องพักย่านรามอินทราก่อนที่จะก่อเหตุ 2 คืน จากนั้นช่วงสายของวันเกิดเหตุผู้จ้างวานได้นำอาวุธปืนมาให้ ก่อนจะนั่งโดยสารรถแท็กซี่ไปลงบริเวณใกล้เคียงการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เพื่อพบกับผู้ต้องหาอีกคนที่ทำหน้าที่ขับรถจักรยานยนต์ แล้วไปดักรอนายสมยศที่ร้านเฮงหูฉลาม หลังจากก่อเหตุนายภานุพงษ์ได้นำปืนที่ใช้ยิงนายสมยศไปโยนทิ้งที่แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งพล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้สั่งการให้ชุดประดาน้ำเตรียมไปงมหาอาวุธปืน โดยต้องสอบปากคำเพื่อยืนยันจุดที่โยนทิ้งโดยละเอียดอีกครั้ง ส่วนผู้ว่าจ้างนั้นนายภานุพงษ์ยังให้การไม่ละเอียด ไม่ยอมบอกว่าผู้จ้างวานเป็นใคร