เมืองไทยฯ(1):ห้ามปลุกระดมรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ/อดีตนายกฯให้การคดีละเลยจำนำข้าวนัดแรก/หลายชาติเสนอช่วยตรวจสอบคดีระเบิด*

31 สิงหาคม 2558, 07:27น.


นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการรณรงค์ประชามติร่างรัฐธรรมนูญ หากสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ลงมติรับร่างในวันที่ 6 กันยายนว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะเป็นผู้เสนอแนวทางการแสดงออกของพรรคการเมืองต่างๆ แต่เห็นว่า การปลุกระดมไม่ว่าจะให้รับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ถือเป็นเรื่องไม่สมควร แต่สามารถแสดงความคิดเห็นส่วนตัวได้ ที่สำคัญต้องไม่ใช้ตำแหน่งอำนาจหน้าที่เพื่อเรียกให้คนหันมาสนใจ



ทั้งนี้รัฐบาลมอบให้ กกต.เป็นผู้จัดการควบคุมกฎและจัดเวทีรับฟังการแสดงความคิดเห็นของทั้งฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนการสำรวจความคิดเห็นสามารถทำได้ แต่ต้องมีการกำหนดช่วงเวลา ว่าห้ามเปิดเผยผลสำรวจก่อนการลงประชามติกี่วัน เพราะจะเกิดการชี้นำ



นายอลงกรณ์ พลบุตร เลขานุการวิป สปช. กล่าวว่า จะมีการประชุมกันในวันที่ 1 กันยายนนี้เป็นนัดสุดท้าย ก่อนสิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อหารือในเรื่องทั่วไปและสรุปการทำงานของวิปที่ผ่านมา และขั้นตอนการลงมติร่างรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 6 กันยายนนี้ รวมถึงการพิจารณา เรื่องคำถามประกอบการทำประชามติ เพราะหาก สปช.รับร่างรัฐธรรมนูญก็ต้องพิจารณาวาระเรื่องคำถามประกอบการทำประชามติ โดยนำ 2 ญัตติที่สมาชิก สปช.เสนอและบรรจุไว้ในวาระการประชุม ซึ่งจะพิจารณา 2 ขั้นตอน คือ สปช.เห็นควรเสนอคำถามประชามติหรือไม่ ถ้าเห็นว่าสมควรมีคำถาม ก็จะพิจารณาคำถามที่มีผู้เสนอ แต่หากลงมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญก็ไม่ต้องมีคำถาม



ในวันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาให้การที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วยตนเอง ในคดีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวนัดแรก  



นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงกรณีที่มีการวิจารณ์ว่าการเรียกร้องค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวในสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีความล่าช้าและจะขาดอายุความฟ้องดำเนินคดีในวันที่ 7 กันยายน ซึ่งนางอภิรดีกล่าวว่า การดำเนินการเรียกค่าเสียหายจากบุคคลที่กระทำให้เกิดความเสียหายต่อโครงการจำนำข้าว และระบายข้าวของรัฐดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง หลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด ยืนยันว่า สามารถยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายได้ทันภายในอายุความแน่นอน โดยมูลค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวที่เกิดขึ้นนั้น คณะกรรมการฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งในโครงการจำนำข้าว ที่กระทรวงการคลังตั้งขึ้น เร่งรวบรวมข้อมูล คาดว่าน่าจะเกิน 600,000 ล้านบาท เพราะมีข้าวในสต๊อกเน่าเพิ่มขึ้น



ส่วนความคืบหน้าการติดตามจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ และ ท่าเรือสาทร พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวว่า มีการสอบปากคำชายชาวต่างชาติถือพาสปอร์ตสัญชาติตุรกีปลอม จากอพาร์ตเมนต์ย่านหนองจอกนานหลายชั่วโมง และกำลังขยายผล โดยพบว่าขบวนการนี้มีผู้ร่วมก่อเหตุหลายคน และเชื่อมโยงเหตุระเบิดที่ท่าเรือสาทรอย่างแน่นอน ทั้งขอยืนยันว่าคดีนี้เป็นคดีระดับโลกต้องให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอย่างเหนื่อยยาก ทั้งขอให้หยุดการเผยแพร่ภาพที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด เพราะอาจทำให้เกิดความวิตกกังวล และอาจจะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ



ด้านพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ยังไม่สามารถพิสูจน์ตัวตนและสัญชาติของชายคนนี้ได้แน่ชัด กำลังประสานสถานทูตประเทศต่างๆ ร่วมตรวจสอบ รวมถึงสถานทูตตุรกีที่มีการประสานเข้ามาร่วมตรวจสอบแล้ว นอกจากนี้ยังมีอีกหลายชาติที่เสนอให้ความช่วยเหลือเพื่อตรวจสอบประวัติ และสัญชาติ อย่างไรก็ตาม ชายคนนี้ยังไม่รับสารภาพว่าร่วมก่อเหตุระเบิด ทั้งยังไม่ชี้มูลเหตุ ขอพิสูจน์ทราบกลุ่มคนก่อน



พนักงานสอบสวน สน.หนองจอก ยื่นหลักฐานขออนุมัติหมายจับบุคคลต้องสงสัยชายต่างชาติ 3 คน ในข้อหาร่วมกันมียุทธภัณฑ์และอุปกรณ์ใช้ประกอบระเบิด ที่ราชการไม่อนุญาตให้มีไว้ในครอบครอง ต่อศาลจังหวัดมีนบุรี ซึ่งเป็นบุคคลที่ปรากฏตามภาพกล้องวงจรปิดจุดเข้า-ออกห้องเลขที่ 412 และ 414 พูลอนันต์อพาร์ตเมนต์



พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ สรุปผลการดำเนินงานเกี่ยวกับเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ว่า ขณะนี้ยังคงมีผู้บาดเจ็บที่พักรักษาตัวอยู่อีก 31 คน ซึ่งในส่วนการดูแลความปลอดภัยต่อบุคคลและสถานที่ ยังคงมีการปรับให้เกิดความเหมาะสม เพื่อเกิดให้ความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งขอขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมายังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ เจ้าหน้าที่จะพิจารณาในทุกมิติเพื่อจะคลี่คลายคดีนี้ แต่ขอให้ใช้ความระมัดระวังในการวิจารณ์ อย่านำไปเชื่อมโยงต่อประเด็นใดประเด็นหนึ่ง เพราะอาจส่งผลทางลบต่อประเทศชาติและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และขอขอบคุณผู้ที่ได้แจ้งข้อมูลเบาะแสต่างๆ มายังศูนย์ติดตามสถานการณ์ คสช. ผ่านทางเบอร์โทรศัพท์สายด่วน 1515 ซึ่งข้อมูลบางส่วน มีประโยชน์และได้ถูกส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไปแล้ว



เมื่อวานนี้ ตำรวจนครบาล 3 ยังเข้าตรวจค้นหอพักไมมูณา การ์เด้นโฮม ซอยราษฎร์อุทิศ 25/8 ถนนราษฎร์อุทิศ แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี พบสารตั้งต้นในการประกอบระเบิดหลายชนิด ซึ่งกำลังมีการติดตามหาเจ้าของห้องต่อไป ซึ่งผู้ที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงเล่าว่า ชายชาวต่างชาติที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวเมื่อวันเสาร์ เป็นผู้มาเปิดห้องพักห้องนี้ไว้เพื่อให้เพื่อนชาวต่างชาติมาเข้าพักอาศัย และได้ออกไปก่อนหน้าตำรวจจะเข้าตรวจค้นไม่นาน



 ..

ข่าวทั้งหมด

X