นโยบาย“การลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ขณะนี้มีความเข้าใจผิดเรื่องนโยบายว่าการลดเวลาเรียน โดยเข้าใจว่ากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)ให้เลิกเรียนในเวลา 14.00 น.แต่ไม่มีการขยายความว่าเจตนาการปรับลดเวลาเรียนให้น้อยลง เป้าหมายเพื่อให้เด็กไม่ต้องเครียดจนเกินไป ตามนโยบายของรัฐบาล ในความเป็นจริงที่ได้ศึกษา พบว่า มีความเป็นไปได้ คือสามารถลดการเรียนวิชาหลักลงได้ จากเดิมเด็กต้องเรียน1,200 ชั่วโมงต่อปี เหลือ 840 ชั่วโมงต่อปี โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งเด็กเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษาและระดับอุดมศึกษา และเห็นว่าน่าจะสามารถเลิกเรียนได้ในเวลา14.00 น. ได้เริ่มวางแนวทางปรับลดเวลาเรียนดังกล่าวไปแล้ว ก่อนที่ตนจะเข้ามารับตำแหน่งรมว.ศึกษาธิการ และจะเริ่มนำร่องใน 3,500 โรงเรียนที่มีความพร้อมหรือคิดเป็น ร้อยละ10 ของจำนวนโรงเรียนที่อยู่ในสังกัดสพฐ.ทั้งหมด ในภาคเรียนที่ 2/2558 เดือนพฤศจิกายน จากนั้นจะประเมินผล ดูว่ามีผลตอบรับในด้านบวกหรือลบ เพื่อทำการปรับปรุงและขยายผลต่อไป
ด้าน ดร.กมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กล่าวว่า การปรับลดเวลาเรียนโดยเลิกเรียนเวลา 14.00 น. เป็นไปตามข้อเรียกร้องของสังคมที่มองว่าเด็กเรียนมากเกินไป สพฐ.จึงปรับลดเวลาเรียนลงโดยในช่วงเช้าจนถึงเวลา 14.00 น.จะเรียนวิชาหลัก หลังจากนั้นจะให้เด็กเรียนวิชาที่ต้องลงมือปฏิบัติ อาทิ ศิลปะ นาฎศิลป์ ดนตรี พลศึกษา การงานพื้นฐานอาชีพหรือทำกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิต อาทิ สอนว่ายน้ำ ทำกับข้าว เรียนรู้ภูมิปัญญาชาวบ้านรวมทั้งการสอนเสริมโดยเฉพาะการสอนทำการบ้าน ที่จะช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครองโดยแต่ละโรงเรียนไม่จำเป็นต้องทำเหมือนกัน