นายยงยุทธ ขัยพรหมประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอคิว เอสเตท (AQ) หรือเดิมชื่อ บมจ.กฤษดามหานคร (KMC) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองได้อ่านคำพิพากษาคดี ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ 1 กับพวกรวม 27 คน จำเลยเรื่องความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ โดยพิพากษาซึ่งเกี่ยวข้องกับบริษัทให้มีความผิดลงโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 โดยในส่วนของบริษัทให้ปรับเป็นจำนวนเงิน 26,000 บาท ซึ่งจำนวนเงินค่าปรับดังกล่าวทางบริษัทได้ดำเนินการจ่ายค่าปรับกับศาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ ศาลฯ ยังตัดสินให้ทางบริษัทร่วมกันคืนเงินจำนวน 10,004,467,480 บาท แก่ธนาคารผู้เสียหาย โดยเงินในส่วนนี้ถ้าธนาคารผู้เสียหายได้รับชำระคืนแล้วเป็นจำนวนเท่าใดก็ให้หักออกจากจำนวนที่สั่งให้ใช้คืนตามส่วนจากข้อมูลของมูลหนี้เงินกู้ของธนาคารกรุงไทย (KTB) ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ผู้กู้ คือ บริษัท โกลเด้น อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด (โกลเด้น) ได้มีที่ดินจดจำนองที่เป็นหลักประกันจำนวน 4,323 ไร่ 1 งาน 55.90 ตารางวา ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวมีมูลค่าตลาดเท่ากับ 12,321 ล้านบาท ซึ่งเป็นการประเมินราคาเมื่อปี 2555 หรือเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
บริษัทฯ เชื่อว่าด้วยทำเลที่ตั้งและศักยภาพของที่ดินดังกล่าวปัจจุบันคงมีราคาสูงขึ้น ดั้งนั้น จึงถือได้ว่าความรับผิดในส่วนของบริษัทที่ถูกตัดสินให้ร่วมกันคืนเงินจำนวน 10,004,467,480 บาทนั้น มีหลักทรัพย์ที่คุ้มค่าหรือเพียงพอที่จะชำระหนี้ได้ ซึ่งหากธนาคารผู้เสียหายสามารถขายหลักประกันดังกล่าวได้ทางบริษัทก็ไม่จำต้องรับผิดในการคืนเงินจำนวนดังกล่าว ดังนั้น ในการพิจารณาจากข้อมูลดังกล่าวเบื้องต้นแล้ว ความรับผิดในการร่วมกันคืนเงินดังกล่าวไม่น่าจะมีผลกระทบกับบริษัท
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะประสานงานกับโกลเด้นจัดให้มีการประเมินที่ดินดังกล่าวใหม่ เพื่อให้ทราบถึงมูลค่าที่แท้จริงในปัจจุบันว่า มีมูลค่ายุติธรรมเท่าใด หากมีมูลค่ายุติธรรมต่ำกว่าจำนวนเงินที่บริษัทต้องรับผิดตามคำพิพากษาแล้วบริษัทจะได้ทำการตั้งสำรองเผื่อการสูญเสียต่อไป
แฟ้มภาพ