*รอบวัน:เปิดคำพิพากษาคดีเงินกู้กรุงไทยเงิน/ประชามติร่างรธน.17 ม.ค. 59/ห้ามใช้รากหญ้า*

27 สิงหาคม 2558, 07:08น.


*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น.*



+++วันนี้ผู้บริหารบริษัท กฤษดา มหานคร จะแถลงหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้ตัดสินจำคุก ผู้บริหารธนาคารกรุงไทย และพวก 27 ราย คดีปล่อยกู้จนธนาคารเสียหาย 9,000 ล้านบาท ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สั่งจำคุก 19 ราย ยกฟ้องแค่ 2 คน ซึ่ง อสส.ได้ขอให้ลงโทษจำเลยทั้ง 27 ราย และให้ชดใช้เงินคืน 10,054,467,480 บาท ให้แก่ธนาคารกรุงไทยผู้เสียหาย



สำหรับจำเลยทั้ง 27 ราย ได้แบ่งเป็น 6 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มนักการเมือง คือ พ.ต.ท.ทักษิณ จำเลยที่ 1 2.กลุ่มคณะกรรมการบริหาร คือ ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ อดีตอธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะประธานบอร์ดกรุงไทย จำเลยที่ 2, นายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย จำเลยที่ 3 และนายมัชฌิมา กุญชร ณ อยุธยา จำเลยที่ 4 3.กลุ่มคณะกรรมการสินเชื่อ คือ นายพงศธร ศิริโยธิน จำเลยที่ 5,นายนรินทร์ ดรุนัยธร จำเลยที่ 6, นางนงนุช เทียนไพฑูรย์ จำเลยที่ 7, นายโสมนัส ชุติมา จำเลยที่ 8, นายสุวิทย์ อุดมทรัพย์ จำเลยที่ 9, นายวันชัย ธนิตติราภรณ์ จำเลยที่ 10 และนายบุญเลิศ ศรีเจริญ จำเลยที่ 11 4.กลุ่มเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิเคราะห์สินเชื่อ คือ นายไพโรจน์ รัตนะโสภา จำเลยที่ 12, นายประพันธ์พงศ์ ปราโมทย์กุล จำเลยที่ 13, นางกุลวดี สุวรรณวงศ์ จำเลยที่ 14, นางสุวรัตน์ ธรรมรัตนพคุณ จำเลยที่ 15, นายประวิทย์ อดีตโต จำเลยที่ 16 และนางศิริวรรณ ชินอิสระยศ จำเลยที่ 17



5.กลุ่มนิติบุคคลทั้งหมด คือบริษัท บริษัท อาร์เคโปรเฟสชั่นนัล จำกัด โดยนายบัญชา ยินดี และนายสุบิน แสงสุวรรณเมฆา จำเลยที่ 18, บริษัท โกลเด้น เทคโนโลยี อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด โดยนายสุบิน แสงสุวรรณเมฆา และนายบัญชา ยินดี จำเลยที่ 19, บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) โดยนางปรานอม แสงสุวรรณเมฆา และนายธเนศวร สิงคาลวณิช นายรัชฎา กฤษดาธานนท์จำเลยที่ 20, บริษัท โบนัสบอร์น จำกัด โดยนายชุมพร เกิดไพบูลย์รัตน์ จำเลยที่ 21 และบริษัท แกรนด์คอมพิวเตอร์ แอนด์คอมมูนิเคชั่น จำกัด โดยนายสุบิน แสงสุวรรณเมฆา จำเลยที่ 22 6.กลุ่มผู้แทนนิติบุคคลเป็นการส่วนตัวทั้งหมด คือ นายสุบิน แสงสุวรรณเมฆา จำเลยที่ 23, นายบัญชา ยินดี จำเลยที่ 24, นายวิชัย กฤษดาธานนท์ จำเลยที่ 25, นายรัชฎา กฤษดาธานนท์ จำเลยที่ 26 และนายไมตรี เหลืองนิมิตมาศ จำเลยที่ 27



ศาลรับฟังข้อเท็จจริงแล้วพิพากษาให้จำคุก ร.ท.สุชาย, นายวิโรจน์, นายมัชฌิมา และนายไพโรจน์ จำเลยที่ 2-4 และ 12 คนละ 18 ปี ตามความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 4 ซึ่งเป็นบทหนักสุด ส่วนจำเลยที่ 5, 8-11, 13-17 ซึ่งเป็นพนักงานของธนาคารกรุงไทย ผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 จำคุกจำเลยทั้ง 10 คนในส่วนนี้ คนละ 12 ปี ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณหลบหนีคดี ศาลฎีกาจึงให้ออกหมายจับติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณมาดำเนินคดี โดยให้จำหน่ายคดีเฉพาะส่วนของ พ.ต.ท.ทักษิณไว้เป็นการชั่วคราวก่อนจนกว่าจะได้ตัวมา  



+++ในระหว่างอ่านคำพิพากษา มีช่วงหนึ่งที่น่าสนใจ เมื่อศาลระบุว่า ส่วนที่จำเลย 2-5 และ 8-27 ร่วมกันกระทำผิดหรือสนับสนุนจำเลยที่ 1 นั้น ได้ความจากพยานซึ่งเป็นกรรมการพิจารณาสินเชื่อธนาคารกรุงไทยว่า ก่อนการประชุมอนุมัติสินเชื่อให้บริษัทจำเลยที่ 18-19 นั้น จำเลยที่ 2 ได้โทรศัพท์มาหาพยาน และบอกว่าบิ๊กบอสหรือซูเปอร์บอสได้ดูดีแล้ว ไม่ให้คัดค้านการอนุมัติสินเชื่อให้บริษัทจำเลยที่ 18-19 ซึ่งในชั้นพิจารณากับชั้นไต่สวนของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) พยานยังเบิกความไม่ชัดเจนว่าบิ๊กบอสหรือซูเปอร์บอส คือจำเลยที่ 1 หรือภรรยาของจำเลยที่ 1 กันแน่ แม้มีอ้างถึงเงินจากเครือบริษัทในเครือกฤษดาจำเลยโอนเข้าบัญชีบุตรของจำเลยที่ 1 และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับจำเลยที่ 1 แต่ก็พบว่ากลุ่มคนดังกล่าวก็เกี่ยวพันกับภรรยาของจำเลยที่ 1 พยานจึงอาจเข้าใจตามความคิดของพยานเองว่าบิ๊กบอสหรือซูเปอร์บอสคือจำเลยที่ 1 ดังนั้น ชั้นนี้อาจยังฟังไม่ได้ว่าจำเลย 2-5 และ 8-27 ร่วมกับจำเลยที่ 1



+++ขณะเดียวกัน ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กล่าวถึงการรับตัวผู้ต้องขังหลังศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาจำคุกผู้ต้องขัง 19 คน ในคดีทุจริตปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ว่า เรือนจำได้รับตัวผู้ต้องขังจากศาลมาคุมขังที่เรือนจำตั้งแต่เวลา 14.00 น. โดยเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จะรับคุมขังเฉพาะผู้ต้องขังชาย 16 คน ที่มีโทษจำคุก 12 ปี โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำประวัติผู้ต้องขังใหม่และตรวจสุขภาพพร้อมแนะนำการปฏิบัติตัวตามระเบียบเรือนจำ เบื้องต้นพบว่าผู้ต้องขังบางรายมีอาการเครียด ซึ่งในคืนแรกของการคุมขัง ผู้ต้องขังใหม่ทั้งหมดจะถูกส่งตัวไปอยู่รวมกันภายในแดนแรกรับ เช่นเดียวกับผู้ต้องขังรายอื่น จากนั้นเมื่อผู้ต้องขังสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพในเรือนจำได้ จะพิจารณาจำแนกแยกแดนไปยังห้องคุมขังอื่นๆ ที่เหมาะสม สำหรับผู้ต้องขัง 4 รายที่โทษสูงเกินอำนาจคุมขังของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ คือต้องโทษจำคุก 18 ปี จะต้องถูกส่งตัวไปคุมขังในเรือนจำกลางคลองเปรมต่อไป



+++ระหว่างรอการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญของสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญจะสามารถรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ว่า ขึ้นอยู่กับระเบียบและวิธีการดูแลของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะจัดสรรให้ทั้ง 2 ฝ่ายแสดงความเห็น การรณรงค์เชื่อว่าทำไม่ได้ ทั้งรณรงค์ให้รับหรือไม่รับ แต่สุดท้ายก็จะมีวิธีปฏิบัติจนห้ามไม่ได้ เป็นหน้าที่ของ กกต.ที่จะดูแลให้เกิดความเท่าเทียม 2 ฝ่าย



+++นายนิรันดร์ พันทรกิจ คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ปฏิรูปการเมือง สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) แถลงว่า คณะกมธ.ปฏิรูปการเมือง และกมธ.กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ได้ส่งหนังสือถึงนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช. ผ่านสำนักเลขาธิการสปช. พร้อมแนบรายชื่อสมาชิก สปช.จำนวน 14 คน เพื่อขอให้ส่งประเด็นปัญหาร่างรัฐธรรมนูญ ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ในประเด็นปัญหาความแล้วเสร็จของร่างรัฐธรรมนูญ เนื่องจากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่มีคำปรารภ ทั้งๆ ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญปี 2540 หรือ 2550 มีคำ



ขณะที่ในการประชุม กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยถึงกระบวนการการออกเสียงประชามติ วันที่ 17 ม.ค. 59 ส่วนพรรคการเมืองได้มีการรณรงค์ให้ประชาชนคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ ว่าการทำประชามตินั้นเป็นเรื่องของประชาชน จะต้องใช้ความคิด การอ่าน เพื่อวิเคราะห์ร่างรัฐธรรมนูญ โดยจะมีการแจกร่างฉบับจริงและฉบับสรุปความให้แก่ประชาชนอ่านควบคู่กัน เพื่อใช้ในการพิจารณาทำประชามติ



+++ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เปิดบ้านพัก ให้ข้าราชการระดับสูง ทหาร ตำรวจ และนักธุรกิจ เข้าอวยพรวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 95 ปีย่างเข้า 96 ปี โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี และผบ.เหล่าทัพ เข้าร่วมอวยพร  พล.อ.เปรม กล่าวด้วยว่า ขอให้ทุกฝ่ายได้ร่วมมือกันอย่างนี้ตลอดไป เพื่อสร้างเกียรติประวัติให้กับกองทัพและรัฐบาล และเพื่อให้ประเทศเกิดความรัก ความสามัคคี ปรองดอง แม้จะมีความเห็นแตกต่างกัน ก็รักกันได้ และย้ำว่ามั่นใจในตัวนายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม และกองทัพว่า จะสามารถทำสิ่งดังกล่าวได้ ขอให้ช่วยกันเพื่อนำทางไปสู่ความสำเร็จ เพราะจะเป็นของขวัญให้คนไทยทุกคน และถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้นำคณะรองนายกรัฐมนตรี ทั้ง 6 คนเข้าพบ พล.อ.เปรม โดยใช้เวลาในการพูดคุยนานกว่า 20 นาที โดย พล.อ.เปรม ได้ฝากให้รองนายกรัฐมนตรี ช่วยงาน พล.อ.ประยุทธ์ ในการแก้ปัญหาของประเทศชาติ โดยร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อให้ประเทศชาติลุล่วง



+++พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวตอนหนึ่งในการปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "ปฏิรูปการศึกษา...สร้างอนาคตประเทศไทย" ว่าบางเรื่องแม้จะมีความเห็นไม่ตรงกัน ต้องมองที่ผลประโยชน์ของชาติ ต้องร่วมมือเดินไปข้างหน้า อะไรที่ขัดแย้งหรือเป็นปัญหาก็ค่อยๆ แก้ไขไป โดยขออนุญาตใช้มาตรา 44 ห้ามเรียกว่า "คนรากหญ้า" แต่ให้เรียกว่า "คนมีรายได้น้อย" เพราะต้องยกระดับพวกเขาให้ได้ วันนี้บ้านเมืองเราไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น ไม่มีอำมาตย์ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น อย่าให้ใครมาบิดเบือน อำมาตย์ก็คือข้าราชการที่เป็นตัวแทนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่จะมาดูแลประชาชนซึ่งรัฐบาลให้ความสนใจปัญหาทุกเรื่อง และต้องทำให้เสร็จตามโรดแมพ



วันนี้ยังรู้สึกดีที่ประเทศไทยมีการแบ่งปัน แต่ก็ยังมีพวกที่พยายามให้คนเป็นศัตรูกันถือเป็นเรื่องอันตราย ต้องไม่เอากฎหมายมาเอื้อประโยชน์ ที่ผ่านมาใครกล้าใช้กฎหมายในทางที่ผิด กล้าซื้อสื่อ และคิดว่าชนะทุกอย่างมันเป็นไปไม่ได้ วันนี้เราจะปล่อยให้ประเทศเดินหน้าช้าไปไม่ได้แล้ว เช่น เรื่องรถไฟที่ยังไม่เกิด แล้วยังมีอดีตนักการเมืองมาวิจารณ์เรื่องการลงทุนระหว่างรัฐบาลไทยกับจีน นักการเมืองพวกนั้นไม่เคยทำอะไรที่โปร่งใสเจรจากันไม่จบไม่สิ้น จะแบ่งประโยชน์ให้ประเทศนั้นประเทศนี้แต่วันนี้ตนได้ไปเจรจาระหว่างนายกฯ กับนายกฯ ทุกอย่างมันจึงต้องเกิดขึ้น แต่ถ้ายังไม่เกิดขึ้นก็จะต้องมีครม.ชุดที่ 4

ข่าวทั้งหมด

X