+++สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานอ้างนักวิเคราะห์จากบริษัทยูบีเอสว่า ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกและราคาน้ำมันดิบร่วงระนาวในวันนี้ หลังมีแรงเทขายหุ้นทั่วโลกเพิ่มความหวั่นวิตกเรื่องสภาพเศรษฐกิจของจีนว่าอาจจะชะลอตัวเร็วเกินคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ สำหรับตลาดหุ้นไทยและเอเชียร่วงค่อนข้างแรง หุ้นไทยปิดตลาด ลดลง 64.55 จุด ปิดที่ 1,301.06 จุด รวมมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 60,491.34 ล้านบาท ดัชนีหุ้นไทยช่วงบ่ายดิ่งลงไปมากกว่า 60 จุด หรือติดลบไปมากกว่าร้อยละ 4 ระดับ ต่ำสุดในรอบราว 1 ปี 6 เดือน จากปัจจัยหลักตัวเลขเศรษฐกิจจีน และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาไม่ดี ทำให้นักลงทุนกังวลอย่างหนัก จึงมีแรงขายในหุ้นขนาดใหญ่ ทั้งในกลุ่มพลังงาน กลุ่มธนาคาร
+++นายจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า การปรับตัวลงมาอย่างมากของตลาดหลักทรัพย์ไทยในวันนี้ เป็นสิ่งที่คาดหมายได้ เนื่องจากเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหลักทรัพย์ประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
+++หุ้นเอเชีย ดิ่งหนัก ฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 1,158.05 ปิดที่ 21,251.57 จุด นิเคอิตลาดหุ้นโตเกียวญี่ปุ่น ลดลง 895.15 ปิดที่ 18,540.68 จุด ส่วนตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ ตลาดหุ้นจีน ลดลง 297.84 ปิดที่ 3,209.91 จุด หรือลดลงร้อยละ 8.5 หุ้นของบริษัทจดทะเบียนของจีนส่วนใหญ่ รวมถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ของรัฐบางแห่งร่วงมากถึงร้อยละ 10 นักวิเคราะห์คาดว่า รัฐบาลจีนพร้อมจะใช้มาตรการต่างๆเพื่อพยุงตลาดหุ้นอีก ถ้าความรู้สึกของนักลงทุนยังไม่ดีขึ้น
+++สำหรับราคาน้ำมันร่วงลงร้อยละ 2.7 อยู่ที่ 39 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันไลต์สวีตครูด เคลื่อนไหวอยู่ที่ 38.86 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลง 1.59 หรือร้อยละ 3.9 ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือ เคลื่อนไหวอยู่ที่ 43.72 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลง 1.74 หรือร้อยละ 3.83
+++สำหรับสามปัจจัยลบที่กระทบต่อตลาดหุ้นและตลาดเงินทั่วโลกคือ ความหวั่นเกรงว่าเศรษฐกิจจีนอาจจะชะลอตัวในอัตราที่เร็วกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ หลังดัชนีชี้วัดการผลิตอุตสาหกรรมของจีนในเดือนก่อนร่วงต่ำสุดในรอบ 77 เดือน นอกจากนั้น สัปดาห์นี้นักลงทุนจะจับตาดูตัวเลขการนำเข้าของจีน ความไม่แน่นอนว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนนี้หรือไม่ หลังไม่มีการปรับขึ้นนับแต่ปี 2549 แต่จากบันทึกการประชุมของเฟดเมื่อสัปดาห์ก่อน กรรมการเฟดหลายคนส่งข้อความที่สร้างความสับสนให้กับตลาด หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะทำให้มีต้นทุนการกู้ยืมหรืออัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นสำหรับบริษัทต่างๆ ในตลาดเกิดใหม่ ขณะเดียวกันจะทำให้การกู้ยืมในสหรัฐฯ ดึงดูดใจมากขึ้นสำหรับนักลงทุน อาจจะทำให้นักลงทุนเทขายตราสารหนี้ในประเทศกำลังพัฒนา และผลจากการที่น้ำมันดิบมีราคาถูกเกินไป คือขณะนี้ซื้อขายที่ 39 ดอลลาร์ ต่ำสุดในรอบกว่า 6 ปี สำหรับน้ำมันถือว่าปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเติบทางเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่ แต่เงินของประเทศเหล่านั้นมีมูลค่าลดลง โดยเฉพาะประเทศที่ค้าขายกับประเทศจีน หลังการประกาศลดค่าเงินหยวนของจีนเมื่อไม่นานมานี้ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคส่งออกของประเทศ
+++นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า แม้ตลาดหุ้นไทยจะมีพื้นฐานดีแต่ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงก็คงหลีกเลี่ยงผลกระทบไม่ได้ โดยเชื่อว่า หลังจากนี้เมื่อรัฐบาลผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาแล้ว สถานการณ์น่าจะดีขึ้นเรื่องหุ้นมีทั้งคนซื้อ และคนขายเป็นเรื่องปกติ มีคนขายมากมีคนซื้อน้อยก็ปรับตัวลดลงเป็นธรรมดา ไม่อยากให้คิดว่ามาจากเหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง เรื่องหุ้นมันเกี่ยวกับหลายสาเหตุ
+++นายพรเทพ ธัญญพงศ์ชัย ประธาน คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กล่าวว่า ค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) งวดใหม่ (ก.ย.-ธ.ค.) ปรับลดลงแน่นอน แต่คงจะไม่สูงถึงตามที่เคยประเมินไว้ที่ 9 สต./หน่วย โดย กกพ.จะสรุปเรื่องนี้ ในวันพุธนี้ นายพรเทพ กล่าวว่า ปัจจัยเรื่องการผลิตไฟฟ้ามีการเปลี่ยนแปลง ทั้งเรื่องจากภัยแล้งและเงินบาทที่อ่อนค่าอย่างรวดเร็ว ทำให้ ต้นทุนเพิ่มสูง แม้ว่าราคาน้ำมันจะลดลง จนส่งผลทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติลดลงตาม ดังนั้น เอฟทีงวดใหม่จะลดลงเท่าใด จากอัตราปัจจุบัน 49.61 สต./หน่วย ก็ต้องดูให้รอบด้าน
+++พายุไต้ฝุ่นโคนี พัดกระหน่ำเกาะโอกินาวาทางตอนใต้ของญี่ปุ่น ทำให้เกิดฝนตกหนักและลมกระโชกแรง ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตในฟิลิปปินส์อยู่ที่ราว 20 ศพ ผู้เสียชีวิตรายล่าสุดเป็นเด็กชายอายุ 9 เดือน และเด็กหญิงอายุ 2 ปี จมน้ำเสียชีวิตขณะเกิดน้ำท่วมฉับพลัน
+++สื่อมวลชนของญี่ปุ่น รายงานว่า อิทธิพลของพายุโคนีสร้างความเสียหายให้เกาะอิชิงากิที่อยู่ใกล้ไต้หวัน ทำให้เสาไฟฟ้าล้มและรถยนต์หลายคันพลิกคว่ำ มีประชาชนได้รับบาดเจ็บจากกระจกบาด รายงานระบุว่า พายุลูกนี้กำลังเคลื่อนตัวไปทางเหนือไปยังเกาะคิวชูตอนใต้สุดของญี่ปุ่น
+++นายโตชิโอะ คะยะมะ นายกเทศมตรีเมืองซากะมิฮาระใกล้กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น เรียกร้องให้พ.อ.วิลเลียม จอห์นสัน ผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐฯประจำญี่ปุ่นให้เร่งทำการสอบสวนเหตุระเบิดโกดังเก็บอาวุธยุทธภัณฑ์แห่งหนึ่งของสหรัฐฯ ในเมืองซากามิฮาระเมื่อเช้ามืดวันนี้ เขาขอให้กองทัพสหรัฐฯ ชี้แจงข้อเท็จจริง ขอโทษประชาชนและให้เพิ่มความระมัดระวังไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ ก่อนหน้านี้อาคารแห่งหนึ่งในบริเวณโกดังเก็บอาวุธของกองทัพสหรัฐฯ ถูกไฟไหม้ และระเบิดตามมาอีกหลายครั้ง ใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงได้ แต่โกดังเก็บอาวุธขนาด 900 ตารางเมตร ถูกเผาวอดทั้งหลัง ด้านตำรวจและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงญี่ปุ่น ระบุว่าไม่มีคนบาดเจ็บหรือความเสียหายต่อบ้านเรือนในละแวกใกล้เคียง
+++ด้านโฆษกองทัพสหรัฐฯ ระบุว่า โกดังนั้นส่วนใหญ่ใช้เก็บถังไนโตรเจน อ็อกซิเจน ตามข้อตกลงร่วมของญี่ปุ่นและสหรัฐฯ กองทัพสหรัฐฯ จะเป็นผู้ทำการสอบสวนเหตุระเบิดดังกล่าว
+++นายโยชิฮิเดะ ซูกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น บอกกับผู้สื่อข่าวว่าเหตุการณ์นี้สร้างความเป็นกังวลค่อนข้างมากสำหรับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณโดยรอบฐานทัพสหรัฐฯ ระบุว่า รัฐบาลญี่ปุ่นขอให้รัฐบาลสหรัฐฯ ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติม ทำการสอบสวนสาเหตุและดำเนินมาตรการป้องกัน เขากล่าวว่ารัฐบาลญี่ปุ่นได้ร้องขอให้สหรัฐฯ เพิ่มมาตรการความปลอดภัยของคลังอาวุธสหรัฐฯ ทุกแห่งในญี่ปุ่น
CR:Reuters