ความคืบหน้าการติดตามคนร้ายคดีระเบิดแยกราชประสงค์เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2558 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่พบหลักฐานว่าเหตุระเบิดที่ราชประสงค์และที่ท่าเรือสาทรมีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ แม้ว่าหลักฐานบางอย่าง มีความคล้ายคลึงกัน ส่วนการติดตามผู้ก่อเหตุ ยังไม่สามารถระบุได้ว่าคนร้ายหนีออกนอกประเทศไปแล้วหรือไม่ เนื่องจากไม่มีหลักฐานชี้ชัด
ขณะที่การออกหมายจับผู้ก่อเกตุที่ท่าเรือสาทรยังอยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวน เนื่องจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่เกิดเหตุไม่สามารถระบุหน้าผู้ก่อเหตุได้ชัดเจน เบื้องต้นตำรวจยังรอความร่วมมืออุปกรณ์เทคโนโลยีที่จะช่วยสืบหาคลี่คลายคดีจากต่างประเทศอยู่ ซึ่งการที่ไม่มีเทคโนโลยีเป็นของตัวเองนั้นถือเป็นอุปสรรคอย่างมากในการทำงาน ดังนั้นทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้เสนอจัดซื้ออุปกรณ์เพื่อใช้ในการตรวจสอบใบหน้า แก้วตา และลายนิ้วมือเพื่อมาใช้ในด่านตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศ
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวอีกว่า การทำงานติดตามคนร้ายตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาคิดว่าไม่ล่าช้า เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทำงานตลอดเวลาและมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกับฝ่ายความมั่นคงตลอด พร้อมย้ำว่ายังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ส่วนผลดีเอ็นเอคนร้าย นั้นยังอยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์ แต่ขอยืนยันจะสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้แน่นอน
ส่วนเรื่องที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เสนอให้ตั้งกระทรวงตำรวจนั้น ไม่เห็นด้วย เนื่องจากการทำงานของตำรวจมีความคล้ายคลึงกับทหารคือในเรื่องความมั่นคง และเมื่อเกิดเหตุวิกฤตหรือเหตุการคับขับขัน เชื่อว่าอำนาจสั่งการต้องเป็นของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น
...ผสข.ปิยะธิดา เพชรดี