เมืองไทยฯ(2):มาเลเซียพบศพเหยื่อค้ามนุษย์/ประมงชุมพรค้านการกำหนดเขตและวันทำประมง/สรรพากรคาดเก็บรายได้ต่ำกว่าประมาณการ

ตำรวจมาเลเซียพบโครงกระดูกของมนุษย์ 24 โครงในเขตบูกิต วัง เบอร์มา รัฐปะลิส ที่มีชายแดนติดกับประเทศไทย ซึ่งเชื่อว่าทั้งหมดเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ จากที่เมื่อเดือนพฤษภาคม ตำรวจมาเลเซียพบหลุมฝังศพ 139 หลุม และค่ายกักขังร้าง 28 แห่งที่ปาดังเบซาร์ สำหรับหลุมฝังศพที่พบเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม อยู่ใกล้กับชายแดนที่ติดกับประเทศไทยและไม่ไกลจากหลุมศพที่พบเมื่อเดือนพฤษภาคม ขณะที่สเตรทส์ไทม์สรายงานว่า แม้จะยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าโครงกระดูกเหล่านี้เป็นของใคร แต่เชื่อว่าน่าจะเป็นชาวโรฮีนจาและบังกลาเทศที่ตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ และสงสัยว่าจะเสียชีวิตเพราะถูกทรมานหรือขาดอาหาร โครงกระดูกบางโครงถูกฝังอยู่ไม่ลึกมากนัก

หนึ่งในประเด็นที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ คือช่วงกลางสัปดาห์นี้จะมีคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูกฟ้องเป็นจำเลยคดีการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะอ่านคำพิพากษาในวันพุธที่ 26 สิงหาคมนี้ หลังใช้เวลาในการพิจารณาคดีประมาณ 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2555 โดยคดีนี้มีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นจำเลยที่ 1 และไม่ได้เดินทางไปศาลฎีกาในตอนพิจารณาคดีนัดแรก จึงมีการออกหมายจับและให้จำหน่ายคดีในส่วนของ พ.ต.ท.ทักษิณ จำเลยที่ 1 ออกจากสารบบความชั่วคราว

เมื่อวานนี้ ชาวประมงปากน้ำชุมพร ยื่นหนังสือคัดค้านมติที่ประชุมศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) เรื่องการกำหนดเขตการทำประมง และการกำหนดวันหยุดทำการประมง นายพิศาล ศันติวิชยะ นายกสมาคมปากน้ำชุมพร กล่าวว่า การกำหนดวันหยุดเรือประมงอวนล้อมจับ (ยกเว้นอวนล้อมจับปลากะตัก) ฝั่งอ่าวไทย ทำให้ชาวประมงเดือดร้อนและมีผลกระทบตามมาอย่างแน่นอน เพราะเรืออวนล้อมจับออกทำการประมงได้จริงๆ เพียง 13 วันต่อเดือน ส่วนเรืออวนลากใช้เวลาทำประมง 15-20 วันต่อเที่ยว ถ้าต้องกลับเข้าฝั่งตามวันที่กำหนดไว้ จะสร้างปัญหาเรื่องต้นทุนค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ช่วงเดือนพฤศจิกายน – มกราคมของทุกปี เป็นช่วงลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ คลื่นลมในทะเลอ่าวไทยรุนแรงมาก ทำการประมงไม่ได้ แต่ต้องจ่ายค่าจ้างแรงงานเท่าเดิม และอาจเกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกมาก

วันนี้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จะรายงานภาวะสังคมไตรมาส 2 ปี 2558 ต้องติดตามสถานการณ์ปัญหาสังคม ภาวะหนี้ครัวเรือน และตัวเลขการจ้างงาน

จากการประชุมหารือระหว่างตัวแทนกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจเพื่อหารือเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการอายัดการต่อภาษีประจำปี การอายัดใบขับขี่กรณีค้างชำระค่าปรับ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่าในการแก้ไข พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2552 นั้น ทางสำนักงานกฤษฎีกา ให้เวลาตำรวจอีก 2 สัปดาห์ กลับมาพิจารณาใหม่อีกครั้ง เพราะต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมว่าร่างกฎหมายมีผลดีหรือกระทบอย่างไรต่อประชาชนหรือไม่

ทั้งนี้ พบว่า ประชาชนไม่ให้ความสำคัญกับใบสั่งที่ออกให้แก่ผู้ที่ขับขี่ผิดกฎหมาย ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2558 ถึงปัจจุบัน มีใบสั่งค้างชำระอยู่ประมาณ 900,000 ใบ มีการจัดเก็บข้อมูลลงใบคอมพิวเตอร์ทุกฉบับ แบ่งเป็น 2 ประเภท คือใบสั่งแปะหรือใบสั่งจัดส่งไปที่บ้าน ใบสั่งประเภทนี้ไม่มีการยึดใบขับขี่ทำให้ประชาชนไม่สนใจและละเลยมาชำระเงินตามที่ระบุไว้ในใบสั่ง ส่วนใบสั่งที่ยึดใบขับขี่หากไม่มาชำระเงินเมื่อครบ 1 ปี ก็ไม่สามารถอายัดได้ ส่วนคนที่หลีกเลี่ยงด้วยการแจ้งความใบขับขี่หายแล้วทำใหม่ หากตรวจพบจะถือว่าเป็นการแจ้งความเท็จ

นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยผลการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากรในปีงบประมาณ 2558 ที่กำลังจะสิ้นสุดในเดือนกันยายน คาดว่า กรมจะจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าประมาณการที่ได้รับมอบหมายประมาณ 2 แสนล้านบาท แม้ว่าต่ำกว่าประมาณการที่ได้รับมอบหมายคือ 1 ล้าน 9 แสน 7 หมื่น 5 พันล้านบาทก็ตาม แต่ผลจัดเก็บรายได้ คาดว่า ยังสูงกว่าปีงบประมาณ 2557 ที่จัดเก็บได้จริง 1 ล้าน 7 แสน 2 หมื่น 5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้และการอุดช่องโหว่ภาษีที่รั่วไหล ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศชะลอตัว สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จัดให้ประมูลขายทอดตลาดทรัพย์เครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ในงาน "มหกรรมขายทอดตลาดตัดวงจรการฟอกเงิน นำเงินคืนสู่แผ่นดิน" ครั้งที่ 3 ซึ่ง ปปง.จัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-24 สิงหาคมนี้ ที่ กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 พัน 2 รอ.) ซึ่งในวันที่ 3 ของการจัดงานมีการขายทอดตลาดทรัพย์จำนวน 249 รายการ รวมมูลค่า 7,110,950 บาท

นายประสาท สืบค้า อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เปิดเผยว่า ปัญหาการจ้างทำสารนิพนธ์และวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาปริญญาตรี โท และเอก มีความรุนแรงมากขึ้น โดยมีการจ้างในราคา 20,000-500,000 บาท และเป็นเหตุให้ระบบการศึกษาตกต่ำ ที่ประชุมจึงมีมติร่วมกันว่าตั้งแต่ปีการศึกษา 2558 หากพบนักศึกษาสถาบันที่เป็นสมาชิก ทปอ. 27 แห่ง จ้าง หรือคัดลอกวิทยานิพนธ์และสารนิพนธ์ จะถูกให้พ้นสภาพความเป็นนักศึกษาทันที รวมถึงส่งรายชื่อไปยังมหาวิทยาลัยที่เป็นสมาชิก ทปอ.ทุกแห่ง เพื่อไม่ให้รับเข้าศึกษาทุกระดับ ส่วนผู้รับจ้าง ได้มอบให้นิติกรของ ทปอ.ศึกษาข้อกฎหมายว่าเอาผิดอย่างไรได้บ้าง และหากพบผู้รับจ้างเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ถือว่าผิดจรรยาบรรณ ส่วนโทษทางวินัยขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแต่ละแห่ง

..