พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่พร้อมกัน
โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันพรุ่งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะแบ่งงานให้รองนายกรัฐมนตรี โดย พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี ที่โยกย้ายมาจากตำแหน่งรัฐมนตรีศึกษาธิการ จะรับผิดชอบด้านสังคม ขณะที่ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และในฐานะหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช. ที่เคยเป็นรัฐมนตรีคมนาคม จะได้รับงานด้านเศรษฐกิจ ส่วน พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ที่เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีการต่างประเทศ จะรับผิดชอบงานด้านการต่างประเทศเหมือนเดิม และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะรับผิดชอบงานด้านเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง การค้า และการลงทุน
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม จะรับผิดชอบงานด้านความมั่นคงเช่นเดียวกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่รับผิดชอบงานด้านกฎหมาย
โดยในวันนี้ รัฐมนตรีหลายคนจะเดินทางเข้ากระทรวงเพื่อปฏิบัติหน้าที่
ก่อนหน้านี้ นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง มอบให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และหน่วยงานทั้งหมดในสังกัดกระทรวงการคลัง เตรียมข้อมูลเพื่อนำเสนอแก่นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ เกี่ยวกับการดำเนินงานของแต่ละส่วนในช่วงที่ผ่านมาและทิศทางการดำเนินงานต่อไป รวมถึงนโยบายทางด้านเศรษฐกิจที่รัฐมนตรีจะต้องตัดสินใจ
ด้านนายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เตรียมข้อมูลการดำเนินงานแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจและแผนการปรับโครงสร้างรัฐวิสาหกิจ เพื่อนำเสนอและขอนโยบายกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ และรัฐมนตรีเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคม
ซึ่งในช่วงเช้านี้ นายอภิศักดิ์จะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง ในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง ขณะที่ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานจะแถลงข่าวในโอกาสเข้ามารับตำแหน่ง โดยจะเน้นไปที่การหาพลังงานให้เพียงพอต่อความต้องการของประเทศ และการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบ 21 จะเป็นหนึ่งในนโยบาย
ขณะที่นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จะสานต่อนโยบายเดิม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการรัฐวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (โอท็อป) นโยบายการอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุน รวมทั้งนโยบายการผลักดันให้มีการนำแร่สำคัญขึ้นมาใช้ ก็ต้องดูรายละเอียดและหารือกับนายสมคิดต่อไป
ด้านสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับที่จะเสนอต่อที่ประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในวันที่ 6 กันยายน เพื่อลงมติให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ประกอบไปด้วย 285 มาตรา โดยในประเด็นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) นั้น ประกอบไปด้วย ส.ส. เขต จำนวน 300 คน และมี ส.ส.บัญชีรายชื่อ 150-170 คน โดยยังยึดระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสม โดยคุณสมบัติของผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง มีบทบัญญัติเพิ่มใหม่ คือ ห้ามผู้ที่หลบหนีคดีอยู่ในระหว่างพิจารณา หรือหลบหนีคดีที่มีโทษตามคำพิพากษา หรือขาดอายุความดำเนินคดี หรืออายุความลงโทษแล้วลงสมัครรับเลือกตั้ง และรวมถึงบุคคลที่ถูกถอดถอน เพราะส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง
นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2 กล่าวว่าโดยภาพรวมแล้ว จะเห็นว่าคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญฟังเสียงสมาชิก สปช. สนช. คสช. และครม. ถือว่าหลักการพื้นฐานพอไปได้ แต่จะให้ทุกคนพอใจคงเป็นไปไม่ได้ โดยในการลงมติของ สปช.ในวันที่ 6 กันยายนนี้ จะให้เป็นดุลพินิจของสมาชิก สปช.แต่ละคน
จากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม สี่แยกราชประสงค์ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ส่งผลให้มีชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเสียชีวิต 20 ศพ และบาดเจ็บอีก 125 ราย เมื่อช่วงค่ำวันที่ 17 สิงหาคม จากนั้นมีการเผยแพร่ประกาศจับคนร้ายพร้อมตั้งเงินรางวัลนำจับ 12 ล้านบาท จากนั้นในวันที่ 18 สิงหาคมเกิดระเบิดซ้ำอีกครั้งที่ท่าน้ำสาทร ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าทั้ง 2 เหตุการณ์มีความเกี่ยวข้องกัน
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า ขอให้ประชาชนเข้าใจว่า เจ้าหน้าที่มีอุปสรรคในเรื่องของกำลังพลและอุปกรณ์ จึงได้ประสานความร่วมมือกับตำรวจสากลในเรื่องอุปกรณ์สำหรับตรวจร่องรอยหาเบาะแสของคนร้าย และยืนยันว่าไม่เคยพูดว่า คนร้ายเป็นกลุ่มลัทธิคลั่งศาสนา ส่วนคนร้ายจะเป็นใครเป็นคนไทยหรือต่างชาติมาจากกลุ่มไหนนั้น ไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียด
ด้าน พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ยอมรับว่า ยังไม่พบผู้ต้องสงสัย หรือผู้ต้องหาตามหมายจับเกี่ยวข้องกับคดีระเบิด แต่จะเร่งตรวจสอบจนกว่าจะพบหลักฐานเพิ่มเติม และจะดำเนินการไปตามหลักฐานที่ปรากฏ เนื่องจากคำว่า "เขาเล่าว่า" ฟ้องใครไม่ได้ เช่นเดียวกับกรณีของสื่อญี่ปุ่น ที่ระบุว่าคนร้ายเป็นชาวสเปนที่จะต้องมีการตรวจสอบเช่นกัน
โดยเมื่อวานนี้ นายหวู เจ่อหวู่ อุปทูตชั่วคราวสถานเอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย พร้อมคณะ วางดอกไม้ไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตที่ศาลพระพรหม และกล่าวว่า ต้องการแสดงความไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตทุกชาติ ไม่ใช่เฉพาะผู้เสียชีวิตชาวจีนเท่านั้น ทั้งขอบคุณคนไทยและอาสาสมัครกู้ภัยที่เข้าไปช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บหลังเกิดเหตุอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ญาติผู้เสียชีวิตตั้งความหวังว่า รัฐบาลไทยจะสามารถสืบสวนหาข้อเท็จจริงและจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว เพื่อให้กรุงเทพมหานครกลับมาเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวอีกครั้ง
ด้าน พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ในฐานะกรรมการและโฆษกมหาเถรสมาคม (มส.) กล่าวว่า ตามที่มส.ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กรมการศาสนา (ศน.) และมูลนิธิไทยพึ่งไทย จัดงาน "รวมพลังคนไทย รวมหัวใจเพื่อประเทศไทย" พิธีเจริญพระพุทธมนต์เจริญจิตตภาวนาอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ และสร้างขวัญกำลังใจแก่ประชาชนชาวไทย ที่บริเวณหน้าโรงแรมอัมรินทร์พลาซ่า และศาลพระพรหมเอราวัณ ในวันที่ 24 ส.ค. เวลา 17.30 น. เป็นต้นไปนั้น พล.ต.อ.สมยศ ได้เข้ากราบนมัสการสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช วัดปากน้ำภาษีเจริญ และขอให้เลื่อนการจัดงานออกไปก่อน เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องของความปลอดภัย เพราะคาดว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ส่วนจะจัดขึ้นเมื่อใด จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
*-*