*รอบวัน:นายกฯห่วงบอยคอตสหรัฐ/ที่ดินชิดลมพุ่งวาละ1.9ลบ./บรรยินปูดโม่งหวังเงินชูวงษ์*

*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30น

+++ผลกระทบหลังสหรัฐเผยแพร่รายงานการปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือทิป รีพอร์ต ประจำปี 2558 ยังคงให้ไทยจัดอยู่ในกลุ่มเทียร์ 3 พล.ต. สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายก รัฐมนตรี เปิดเผยกรณีกระแสเครือข่ายประชาชนรณรงค์ผ่านโซเชียลมีเดียไม่ซื้อไม่บริโภคสินค้าของสหรัฐ เพื่อตอบโต้กรณีคงอันดับไทยไว้ที่กลุ่มเทียร์ 3 ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความเป็นห่วงต่อกรณีดังกล่าวโดยเข้าใจความรู้สึกของประชาชนที่อาจจะรู้สึกว่าไทยไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่นายกฯ อยากให้ตระหนักว่า เป็นสิทธิ์ของผู้ประเมินที่จะสรุปผลอย่างไรตามที่เขาเห็นสมควร ขณะที่เราย่อมทราบตัวเองดีที่สุดว่าเราทำงานก้าวหน้าไปเพียงใด และตั้งใจจริงเพียงใดรวมทั้งมีหลักฐานเชิงประจักษ์ยืนยันการทำงาน ซึ่งนั่นถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่เราทุกคนควรภาคภูมิใจ

+++ นายมงคล สุขเจริญคณา นายกสมาคมเรือลากคู่จังหวัดสมุทรสงคราม ในฐานะรองประธานสมาคมประมงแห่งประเทศไทย ไม่เห็นด้วยกับมาตรการที่สหรัฐกำหนดให้เรายังคงที่เดิม เนื่องจากรัฐบาลไทยแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ไปมากแล้ว โดยเฉพาะในเรือประมงได้ดำเนินการไปแล้วกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ในส่วนของคดีเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ก็ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การที่สหรัฐระบุว่าประเทศไทยไม่ทำอะไรเลยเอาอะไรมาพิจารณา สหรัฐควรทบทวนให้มีความเป็นธรรมต่อสังคมโลก เพราะจะส่งผลกระทบต่อชาวประมงและประชาชนในประเทศไทย   รองประธานสมาคมประมงแห่งประเทศไทย ระบุด้วยว่า สมาคมจะรอดูท่าทีก่อนว่าสหรัฐจะดำเนินการอย่างไรต่อไป หากมีมาตรการคว่ำบาตรสินค้าไทยหรือมาตราการใดๆ ที่กระทบต่อ เศรษฐกิจของไทย สมาคมจะนัดหารือกันถึงมาตรการประท้วงต่อสหรัฐ เช่น อาจจะบอยคอต สินค้าอเมริกา หรือขอให้รัฐบาลไม่ให้สัมปทาน ต่อบริษัทน้ำมันสัญชาติอเมริกา หรือไม่อนุญาตให้สหรัฐมาขุดเจาะสำรวจน้ำมันในอ่าวไทย

+++เศรษฐกิจซบเซา แต่ราคาที่ดินพุ่งขึ้นต่อเนื่อง นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เปิดเผยว่า แม้สภาพเศรษฐกิจ ในประเทศจะยังซบเซา แต่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ยังคงเดินหน้าซื้อที่ดินแปลงงามที่อยู่ใจกลางเมืองเพื่อพัฒนาโครงการระดับไฮเอนด์ ซึ่งล่าสุดบริษัทได้เป็นตัวแทนนายหน้าเพื่อขายที่ดินขนาด 3 ไร่ บริเวณถนนชิดลม ซึ่งประกาศขายใน ราคา 1.9 ล้านบาท/ตารางวา (ตร.ว.) โดยบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ได้ซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวไป (ราคารวม 2,280 ล้านบาท)   สำหรับราคาที่ดิน 1.9 ล้านบาท/ตร.ว. ถือเป็นราคาซื้อขายสูงสุดทำลายสถิติเดิมที่บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ ซื้อที่ดินขนาด 3 ไร่ บริเวณปากซอยสุขุมวิท 6 ติดสถานีบีทีเอส นานา โดยซื้อมาในราคา 1.7 ล้านบาท/ตร.ว. ขณะที่ราคาซื้อขายที่ดินที่มีการซื้อขายสูงเป็นอันดับ 2 ในรอบ 7 เดือน คือ ที่ดินซอยทองหล่อ 13 ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านอาหารต้นเครื่อง มีการซื้อในราคา 1.4 ล้านบาท/ตร.ว. ผู้ซื้อคือบริษัท เกษร พร็อพเพอร์ตี้ และคาดว่าราคาที่ดินใจกลางเมืองจะขยับไปทะลุ 2 ล้านบาท/ตร.ว.ในเร็วๆ นี้ ขณะราคาประเมินที่ดินของกรมธนารักษ์ในพื้นที่ดังกล่าวอยู่ที่ 8 แสนบาท

+++วันนี้ กม.อุ้มบุญบังคับใช้แล้ว หวังจัดระเบียบการอุ้มบุญอย่างถูกต้อง ทุกรายต้องขออนุญาตผ่าน "บอร์ด กคทพ." ย้ำคู่รักคนไทยผู้มีบุตรยาก ต้องมีทะเบียนสมรส ส่วนคู่รักกับคนต่างชาติ ต้องจดทะเบียนอย่างน้อย 3 ปีและมีพยาน ด้านคู่รักต่างชาติอุ้มบุญในไทยไม่ได้เว้นทำกิฟต์เพื่อตั้งท้องเอง ส่วนผู้ที่ทำการอุ้มบุญมาก่อนสามารถยื่นรับรองบุตรได้ เล่นงานหนักทำเชิงพาณิชย์ เอาผิดครบกระบวนการทั้งหมอ นายหน้า หญิงรับจ้างท้อง โทษสูงสุดจำคุก 10 ปี ปรับ 2 แสน ขายอสุจิหรือไข่ก็ไม่เว้น มีโทษทั้งจำทั้งปรับ ส่วนความคืบหน้าในการดูแลเด็กอุ้มบุญที่เกิดจากพ่อชาวญี่ปุ่น   นางระรินทิพย์ ศิโรรัตน์ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน พม. กล่าวว่า เด็กทั้ง 13 รายอยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์ โดยพบว่าเด็กบางรายไม่แข็งแรงเท่าเด็กปกติ เช่น มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ซึ่งอาจเกิดจากการคลอดก่อนกำหนด แต่ทางสถานสงเคราะห์ก็มีการดูแลอย่างดี ทั้งพยาบาล นักกายภาพบำบัด ส่วนเรื่องการรับเด็กดังกล่าวไปเลี้ยงนั้นยังไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากต้องรอให้การพิจารณาทางศาลสิ้นสุดเสียก่อน ซึ่งยังต้องใช้เวลา

+++ส่วนประเด็นน้องคาร์เมน ขณะที่นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า กรณีนี้เกิดขึ้นก่อนมีการบังคับใช้พ.ร.บ.ฉบับนี้ ซึ่งตามกฎหมายที่มีอยู่คือหญิงตั้งครรภ์เป็นผู้ปกครองของเด็ก แต่หากคู่รักดังกล่าวต้องการเป็นผู้ปกครอง ก็ต้องยื่นต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เพื่อเรียกร้องสิทธิในการเป็นผู้ปกครองเด็ก ซึ่งศาลจะพิจารณาในเรื่องที่ว่าฝ่ายใดมีความพร้อมในการเลี้ยงดูเด็กมากกว่ากัน ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่คู่รักชาย-ชาย อาจได้สิทธิเป็นผู้ปกครอง

+++คืบหน้ากรณีการเสียชีวิตของนาย ชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อายุ 50 ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง หลังสอบปากคำ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นคนขับรถยนต์ในวันที่นายชูวงษ์เสียชีวิต รายงานข่าวแจ้งว่า พนักงานสอบสวนมีการตรวจสอบคลิปเสียงการสั่งโอนหุ้น ซึ่งโบรกเกอร์แห่งหนึ่งยืนยันว่าไม่ใช่เสียงของนายชูวงษ์ แต่เป็นเสียงของชายคนหนึ่งใช้โทรศัพท์มือถือโทรเข้ามาเพื่อสั่งโอนหุ้นนายชูวงษ์  ข่าวแจ้งว่า ที่ผ่านมาการซื้อขายหุ้นของนายชูวงษ์แต่ละครั้งมีการอ้างว่าจะดำเนินการโดยบุคคลคนหนึ่งที่นายชูวงษ์ไว้วางใจมากเป็นคนจัดการให้ โดยหุ้นบางหุ้นที่อยู่กับโบรกเกอร์สองบริษัทก็สามารถสั่งให้โอนหุ้นได้โดยยืนยันเบอร์โทรศัพท์ หลังจาก พ.ต.ท. บรรยินให้ปากคำต่อนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เสร็จก็ให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปรามนานกว่า 7 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็เดินออกมาพักผ่อน พร้อมทั้งให้สัมภาษณ์สื่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า พนักงานสอบสวนเชิญมาสอบปากคำในฐานะพยาน แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ พร้อมยืนยันจะฟ้องสื่อที่เสนอข่าวทำให้ได้รับความเสียหาย เรื่องนี้มีความพยายามของคนนอกที่มีความสนิทสนมกับบางคนในครอบครัวนาย ชูวงษ์ วางแผนเดินเกมนี้โดยหวังผลประโยชน์ของนายชูวงษ์

+++ตำรวจ บก.ปอท.ร่วมกับตำรวจ จ.ยะลา จับ 3 ผู้ต้องหาใช้โปรแกรมขโมยข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหาย  พล.ต.ต.ศิริพงษ์ ติมุลา ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) กล่าวว่า เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 3 รายรับสารภาพว่าใช้โปรแกรมขโมยข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายและปลอมบัตรประชาชนผู้เสียหายเพื่อไปเปิดซิมการ์ดใหม่เพื่อรับรหัสโอทีพี (one time password) ก่อนโอนเงินออกจากบัญชีผ่านระบบอินเตอร์เน็ตแบงกิ้ง ทั้งหมดเคยก่อเหตุมามากกว่า 10 ราย ในระยะเวลา 1 เดือน มูลค่าความเสียหายมากกว่า 1 ล้านบาท เงินที่ได้จะนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน นายครรชิต เอี่ยวกุล 1 ในผู้ต้องหาเคยถูกดำเนินคดีในข้อหาเสพยาเสพติดมาแล้ว ขอประชาสัมพันธ์เตือนประชาชนเกี่ยวกับการใช้งานอินเตอร์เน็ต ให้ระมัดระวังไวรัสหรือโปรแกรมขโมยข้อมูลต่างๆ ไม่ควรโหลดโปรแกรม ไฟล์แนบจากอีเมล หรือเว็บไซต์ของผู้ที่ไม่รู้จักมาก่อน เพราะไฟล์เหล่านี้อาจมีโปรแกรมขโมยข้อมูลติดมาด้วย ในส่วนของธนาคารอยากให้มีการปรับปรุงการตรวจ สอบให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

+++ตำรวจ จับกุม นายวิวัฒน์ หุสิกา อายุ 38 ปี ขณะนั่งดื่มเหล้าหลังบุกงัดกุฏิเข้าไปขโมยเงินของพระครูสังวรโพธิวัฒน์ อายุ 82 ปี เจ้าอาวาสวัดหนองมะเกลือ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ที่ใส่ถุงพลาสติกไว้ในห้องเก็บของจำนวน 5 ถุง รวมกว่า 1 .8 ล้านบาท พร้อมตามไปเอาเงินคืน ที่คนร้ายฝากไว้กับ เจ้าของร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งใน อ.พุทไธสง ที่นับถือเป็นแม่บุญธรรม ยึดเงินสดได้ 230,000 บาท สร้อยคอทองคำหนัก 4 บาท รถจักรยานยนต์ 1 คัน ที่นอน 1 หลัง และชุดเครื่องเสียงคาราโอเกะอีก 1 ชุด รวมมูลค่าทั้งเงินสดและทรัพย์สินที่ตรวจยึดคืนมาได้ประมาณ 400,000 บาท นายวิวัฒน์ได้กราบอ้อนวอนให้เจ้าอาวาสอโหสิกรรมให้ แต่เจ้าอาวาสขอให้ตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย นวิวัฒน์ เป็นหลานเจ้าอาวาส เคยมาอาศัยอยู่ด้วยและบวชเป็นพระที่วัดแห่งนี้ สึกออกไปได้ประมาณ 2 ปีกว่า หลังจากนั้นก็ไม่ได้ทำงานอะไร พอไม่มีเงินใช้ จึงมาขโมยเงินเจ้าอาวาสในกุฏิหลายครั้ง โดยอาศัยช่วงที่เจ้าอาวาสและพระลูกวัดออกไปบิณฑบาตและรับกิจนิมนต์ พอได้เงินจะนำไปกินเหล้าเที่ยวเตร่ เมื่อเงินหมดก็จะกลับมาขโมยซ้ำอยู่อย่างนี้เรื่อยมา