*รองนายกฯศก.มั่นใจรายได้ท่องเที่ยว ชดเชยส่งออกติดลบได้*

หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี  หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีว่า ขณะนี้ สบายใจ เพราะที่ผ่านมาก็ทำงานด้วยความมั่นใจมาตลอด ซึ่งดูจากวันนี้รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจต่างๆ ก็ยังมีสีหน้ายิ้มแย้ม ส่วนที่ที่มีกระแสว่าการปรับคณะรัฐมนตรีจะมีช่วงเดือนกันยายนหรือไม่นั้น ส่วนตัวไม่รู้ แต่ยืนยันจะทำงานเต็มที่  ส่วนข่าวการดึงนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. มาเข้าร่วมใน ครม. ด้านเศรษฐกิจแทนนั้น เป็นสิ่งที่ตัวเองยังไม่ทราบ และก็ไม่อยากคาดเดา

ส่วนสภาพเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวในหลายประเทศโดยเฉพาะประเทศใหญ่ๆที่ลดการนำเข้า รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวว่า การลดการนำเข้า ส่งผลให้การส่งออกลดลง ซึ่งกระทบต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพี ของประเทศไทย แต่ขณะเดียวกันตัวเลขทางด้านการท่องเที่ยวของไทยก็มีแนวโน้มในทางที่ดี จึงสามารถชดเชยการส่งออกที่ติดลบได้ ยืนยันว่า เศรษฐกิจไทยไม่ได้หยุดการเติบโตอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ เนื่องจากการลงทุนของไทยภาพรวมยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งการขยายตัวด้านการผลิตในหลายพื้นที่ รวมถึงค่าเงินบาทที่ปรับลด ก็ทำให้ผู้ประกอบการสามารถปรับราคาสินค้าให้ลดลงจากเดิมได้ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจในไตรมาศ 4 ของปี เรื่องการส่งออกจะดีขึ้นอย่างแน่นอน

ด้านนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า จากการประเมินขณะนี้การส่งออกของไทยลดลง เช่นเดียวกับการส่งออกของ 10 ประเทศที่มีการส่งออกมาเป็นอันดับต้นๆของโลก ที่ลดลงเช่นกัน แต่จากการประเมินภาพรวมการส่งออกของไทยขณะนี้พบว่า ปริมาณสินค้าส่งออกของไทยไม่ได้ลดลงทั้งระบบ แต่การส่งออกบางประเภทลดต่ำลง อาทิ การเปลี่ยนรุ่นสินค้าของโตโยต้าที่ทำให้ยอดการสั่งซื้อลดลง และความผันผวนของราคาทองคำ ซึ่งถ้าหากตัดใน2ส่วนนี้ ก็จะพบว่าการส่งออกของไทยก็ยังเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของยางพารา ขณะนี้ก็มีราคาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ ก็ได้เตรียมเจรจาการค้าเพื่อส่งออกสินค้ารถยนต์ และข้าวไปยังแอฟริกาด้วย

ขณะที่นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากการลงทุนของภาคเอกชนในเรื่องยางพาราก็มีสถานการณ์ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีการผลิตยางพาราเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ ตลอดจนขณะนี้รัฐบาลได้มีการอนุมัติการลงทุนในอุตสาหกรรมนวัตกรรมใหม่ไปเป็นจำนวนมาก  ส่วนกรณีที่บริษัทซัมซุง ย้ายฐานการผลิตจากไทยไปยังประเทศอื่นนั้น พบว่า ตอนนี้ก็มีหลายโรงงานแล้วที่ดึงตัวแรงงานของบริษัทซัมซุง ที่มีฝีมือไปเข้าร่วมงานแล้วเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันการย้ายฐานการผลิตของบริษัทซัมซุงก็ยังไม่กระทบต่ออุตสาหกรรมฮาร์ดดิส เพราะยังมีบริษัทที่ผลิตอุตสาหกรรมชนิดเดียวกัน ที่มีขนาดใหญ่กว่า ก็ยังใช้ไทยเป็นฐานการผลิตอยู่