ทางการเมียนมา รายงานว่า มีผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากกว่าร้อยละ 50 ในระยะแรกของการเลือกตั้งระดับชาติ พร้อมระบุว่าเป็นความสำเร็จในการจัดการเลือกตั้ง แม้ว่าจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าเป็นการหลอกลวงก็ตาม
พลตรี ซอว์ มิน ตุน โฆษกกองทัพเมียนมา เปิดเผยว่า ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งร้อยละ 52.13 หรือมากกว่า 6 ล้านคน ไปใช้สิทธิในวันอาทิตย์ (28 ธ.ค.68) จากจำนวนผู้มีสิทธิ์ 11.6 ล้านคน ซึ่งเป็นการเลือกตั้งระยะแรกของการเลือกตั้ง 3 ระยะที่จัดขึ้นท่ามกลางสงครามกลางเมืองที่ยังคงดำเนินอยู่
พรรคสหภาพสามัคคีและการพัฒนา (USDP) ซึ่งสนับสนุนกองทัพ อ้างว่าได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น โดยมีที่นั่งมากกว่าร้อยละ 80 ในสภาผู้แทนราษฎร
ก่อนหน้านี้ นายโวลเกอร์ เทิร์ก หัวหน้าสำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ แสดงความเห็นว่า การจัดการเลือกตั้งทั่วไปในครั้งนี้ มีขึ้นท่ามกลางความรุนแรงและการปราบปราม ที่ไม่ส่งเสริมให้ประชาชนมีเสรีภาพในการแสดงออก และการรวมกลุ่ม นอกจากนี้อัตราการใช้สิทธิ์เลือกตั้งก็ต่ำกว่าระดับการเลือกตั้งในปี 2563 ซึ่งอยู่ที่ประมาณร้อยละ 70
แต่พลตรีมิน ตุน โต้แย้งว่า แม้แต่ในประเทศประชาธิปไตยที่พัฒนาแล้ว ก็ยังมีสถานการณ์ที่อัตราการลงคะแนนเสียงไม่เกินร้อยละ 50 ดังนั้นอัตราการลงคะแนนเลือกตั้งในเมียนมาครั้งนี้จึงเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ
การลงคะแนนเสียงในวันอาทิตย์ครอบคลุมประชากร 102 เมืองจากทั้งหมด 330 เมืองในเมียนมา เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศยังมีการสู้รบ ส่วนระยะต่อไปมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 11 มกราคม (2569) ครอบคลุม 100 เมืองและระยะที่ 3 ในวันที่ 25 มกราคม (2569) อีก 63 เมือง โดยมีอยู่ 65 เมืองที่ไม่มีการเลือกตั้งเนื่องจากยังมีการสู้รบ คาดว่าจะประกาศผลการเลือกตั้งทั้งหมดได้ภายในปลายเดือนมกราคมหรือกุมภาพันธ์
..
#เลือกตั้งเมียนมา
ข่าวทั้งหมด