ซาอุโจมตีท่าเรือ เยเมน สกัดขบวนขรอาวุธของ UAE

วันนี้, 07:09น.


          สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ประกาศในช่วงบ่ายวันอังคารที่ 30 ธ.ค. 2568 ว่าจะถอนกองกำลังที่เหลือทั้งหมดออกจากเยเมน หลังจากซาอุดีอาระเบียตอบรับข้อเรียกร้องของสภาประธานาธิบดีเยเมนที่ต้องการให้กองกำลังของ UAE ถอนตัวออกไปภายใน 24 ชั่วโมง



        การประกาศของเอมิเรตส์มีขึ้นหลังจากกองกำลังพันธมิตรทางทหารที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย โจมตีทางอากาศใส่สิ่งที่ซาอุดีอาระเบียอ้างว่า เป็นขบวนขนส่งอาวุธสำหรับกองกำลังแบ่งแยกดินแดนที่ UAE สนับสนุน ที่เมืองมูกัลลา เมืองท่าทางตอนใต้ของเยเมน UAE ได้ปฏิเสธว่าขบวนขนส่งดังกล่าวไม่ได้บรรจุอาวุธ พร้อมทั้งแสดงความ “เสียใจอย่างยิ่ง” ต่อข้อกล่าวหาของซาอุดีอาระเบีย



          ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียและ UAE ต่างเป็นพันธมิตรกันในสงครามต่อต้านกลุ่มกบฏฮูตีที่อิหร่านหนุนหลังในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่การสู้รบกันเองระหว่างกลุ่มต่างๆ ที่ทั้งสองฝ่ายสนับสนุนนั้น ได้ทำให้รอยร้าวระหว่างสองประเทศนี้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น



          ซาอุดีอาระเบียสนับสนุนรัฐบาลเยเมนที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ ขณะที่ UAE สนับสนุนสภาเปลี่ยนผ่านภาคใต้ (STC) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องการแยกตัวเป็นอิสระในเยเมนตอนใต้



          ซาอุดีอาระเบียกล่าวหา UAE ด้วยว่า กดดันกลุ่มแบ่งแยกดินแดนให้โจมตีกองกำลังรัฐบาลที่ซาอุดีอาระเบียหนุนหลังในสองจังหวัดทางตะวันออกได้แก่ ฮาดรัมมาวต์ (Hadramawt) และ อัล-มาห์รา (al-Mahra) พร้อมทั้งเตือนว่าจะใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อเผชิญหน้ากับการกระทำที่ “เป็นอันตรายอย่างยิ่ง” ดังกล่าว



          กระทรวงกลาโหมของ UAE อธิบายว่า การตัดสินใจถอนกำลังครั้งนี้เกิดขึ้น “เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ล่าสุดและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพของภารกิจต่อต้านการก่อการร้าย” โดยไม่ได้มีการกล่าวถึงการโจมตีจากกองกำลังพันธมิตรหรือคำเตือนจากซาอุดีอาระเบียแต่อย่างใด



          นายราชาด อัล-อาลีมี ประธานาธิบดีเยเมน ยังได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลา 90 วัน โดยระบุว่าเป็นความจำเป็นเพื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มฮูตี และสิ่งที่เขาอธิบายว่าเป็น “ความขัดแย้งภายในที่นำโดยกลุ่มทหารขบถที่รับคำสั่งมาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์”



          ด้านผู้นำกลุ่ม STC กล่าวว่า คำขาดที่สั่งให้ UAE ถอนกำลังนั้นเป็นการตัดสินใจเพียงฝ่ายเดียวและไม่มีพื้นฐานทางกฎหมายรองรับ พร้อมยืนยันว่า UAE จะยังคงเป็น “พันธมิตรหลัก” ในศึกการสู้รบกับกลุ่มกบฏฮูตีต่อไป



 

ข่าวทั้งหมด

X