บิ๊กโจ๊ก ย้ำไม่เคยสั่งใคร เอาทองไปติดสินบน ป.ป.ช. - เอกวิทย์แจ้งความเอาผิด อดีตตร.

วันนี้, 16:01น.


         พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมายังกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พร้อมกับ นายสัญญาภัชระ สามารถ ทนายความ เพื่อนำเอกสารหลักฐานมาให้พนักงานสอบสวนเพิ่มเติม และยืนยันให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ไม่เคยเอาของใครหรือสั่งใครให้เอาทองไปให้ใคร แต่เมื่อถูกลูกน้องตัวเองกล่าวหา ก็ยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามขั้นตอน



          แต่การสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน อาจจะไม่เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่เป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพราะไม่มีการแจ้งข้อหากับผู้ที่มากล่าวหา ตามคำที่อ้างว่า ตนเป็นคนให้นำทองคำไปให้คนอื่นนั้น ตัวของผู้กล่าวหาก็จะต้องมีความผิด แต่กลับดำเนินคดีตน



           นอกจากนั้น ยังทราบว่ามีการตั้งขณะพนักงานสอบสวนกรณีนี้มาตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค. แต่มีการแจ้งความเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ตามหลักที่เคยทำงานมาจะต้องมีการแจ้งความก่อนค่อยตั้งคณะพนักงานสอบสวน แต่ทำไมถึงมีการตั้งก่อนที่จะมีการแจ้งความตน



          พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ทุกวันนี้ที่ตนเดือดร้อน ก็เพราะลูกน้องไปยุ่งเกี่ยวข้องกับ มินนี่ ไปยืมเงินโอนเงิน แล้วเดือดร้อนมาถึง แต่ตั้งแต่เกิดเรื่องไม่มีใครถูกให้ออกจากราชการ มีตนคนเดียวที่ถูกออก แต่ลูกน้องแค่ถูกพักราชการเท่านั้น ทั้งที่ตนเป็นแถว 3 แถว 4 ไม่ได้เป็นตัวการ แต่ทำไมกระบวนการจัดการตนมันเร็วมากเลย จึงตั้งข้อสังเกตว่า วันนี้ตนไม่ได้รับความยุติธรรม



          ตั้งแต่เกิดเรื่อง ตนไม่ได้ติดต่อกับลูกน้องคนนี้มาปีกว่า ซึ่งตนทราบว่าเขาไม่พอใจ มีอะไรโกรธเคือง โทรมาต่อว่า ผ่านลูกน้อง กรณีที่ตนไปไลฟ์สดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมินนี่กับเขา ทำให้เขาไม่พอใจบอกว่า กระทบครอบครัว ซึ่งตนก็ต้องพูดความจริงให้สังคมรับรู้ และเชื่อว่านี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาฟ้อง



          และมองว่า พวกเขาอาจจะไปฟังคำพูดของใครมาหรือไม่ ไปหลงผิดอะไรหรือไม่ ว่าจะมีคนพากลับเข้ารับราชการ แค่อยากถามลูกน้องกลับว่า “มั่นใจเหรอว่าจะกลับเข้าราชการถึงทำแบบนี้ มั่นใจหรอว่าจะไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือ หรือถูกทิ้งไว้กลางทาง”



         ส่วนตัวไม่ได้โกรธเคืองลูกน้องที่หลงทางไปเชื่อใคร ที่ผ่านมาในวงการตำรวจเขารู้ดีว่าตนเลี้ยงลูกน้องดีมาตลอด ยอมรับว่าเสียใจแต่ก็ไม่ตำหนิ เข้าใจว่าทุกคนต้องเอาตัวรอด แต่ว่าการเอาตัวรอดไม่ควรทำแบบนี้ ส่วนจะแฉอะไรก็ตามสบาย ตนจะสู้ตามกระบวนการ



          ด้าน กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติที่ถูกพาดพิงถึง ได้ มอบอำนาจให้ทนายความดำเนินคดีอดีตนายตำรวจคนสนิทพล.ต.อ.สุรเชษษฐ ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มอบอำนาจให้ทีมทนายความ เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ พ.ต.อ.เอกภาคภูมิ พิศมัย อดีตนายตำรวจคนสนิทของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ในข้อหาแจ้งความเท็จและกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นรับโทษทางอาญา กรณีที่ พ.ต.อ.ภาคภูมิไปแจ้งความกล่าวหาว่านายเอกวิทย์ เรียกรับสินบนเป็นทองคำแท่ง น้ำหนักรวม 246 บาท ซึ่งขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง



          โดยมองว่า การที่พ.ต.อ.ภาคภูมิซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีอื่นอยู่แล้ว ออกมากกลับคำให้การเช่นนี้ ตนมองว่าเป็นปัญหาความขัดแย้งภายในของฝั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง ร้อมตั้งข้อสังเกตว่า หากมีการกล่าวหาว่ารับสินบน ตัวผู้แจ้งความเองก็ต้องมีความผิดฐานให้สินบนเจ้าพนักงานด้วย แต่หากเป็นเรื่องไม่จริง ก็จะเข้าข่ายความผิดฐานแจ้งความเท็จทันที



 

ข่าวทั้งหมด

X