ศาลฮ่องกงชี้ จิมมี ไหล่ เจ้าของสื่อดัง ผิดอาญาในคดีความมั่นคง นัดฟังโทษจำคุกภายหลัง

          หลังเสร็จสิ้นการไต่สวน 2 ปี ศาลฮ่องกงมีคำพิพากษาในวันนี้(15 ธ.ค.)ว่า นายจิมมี ไหล่ อายุ 78 ปี เจ้าของหนังสือพิมพ์ แอปเปิลเดลี่ มีความผิดทางอาญาตามฟ้องของพนักงานอัยการซึ่งเป็นโจทก์ รวม 3 กระทงได้แก่ 2 กระทง ในข้อหาสมคบชาวต่างชาติ เพื่อล้มล้างรัฐบาล(ภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่จีนประกาศใช้ในปี 2563) และอีก 1 กระทงในข้อหาสมคบเผยแพร่สิ่งพิมพ์ปลุกระดม(ภายใต้กฎหมายยุคอาณานิคม) ซึ่งมีโทษสูงสุดคือ จำคุกตลอดชีวิต แต่ศาลนัดอ่านคำพิพากษาในส่วนของโทษจำคุกในภายหลัง ราวต้นปีหน้า(2569)

         ศาล ระบุว่า นายไหล่ได้ล็อบบี้นักการเมืองสหรัฐฯให้เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของฮ่องกง ตั้งแต่ยุคที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯบริหารประเทศสหรัฐฯสมัยแรก ก่อนจีนประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในปี 2563 เป็นตัวอย่างของการกระทำผิดอาญาในข้อหาปลุกปั่นและสมคบกับชาวต่างชาติ เพื่อล้มล้างการปกครองของจีน รวมถึงเคยพบกับรองประธานาธิบดีสหรัฐฯในขณะนั้นคือ นายไมค์ เพนซ์ และนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯในสมัยแรกของรัฐบาลทรัมป์ อีกทั้งเคยพยายามจะพบกับนายทรัมป์ หวังให้เข้ามาแทรกแซงกิจการของจีนด้วย

         นอกจากนี้ ศาลได้ยกหลักฐานอื่นๆเช่น การที่นายไหล่ส่งข้อความติดต่อสื่อสารทางแอปพลิเคชั่น WhatsApp ระหว่างนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยของฮ่องกง และผู้บริหารของหนังสือพิมพ์ แอปเปิลเดลี่ของนายไหล่ กับผู้บริหารของนิวยอร์กไทม์ เพื่อขอลงเผยแพร่บทความในหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ในเดือนพ.ค.2563 เสนอแนะให้รัฐบาลสหรัฐฯประกาศคว่ำบาตรจีนจากการปราบปรามผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง อีกทั้งเสนอให้สหรัฐฯยกเลิกวีซ่านักศึกษาสำหรับบุตรหลานของเจ้าหน้าที่รัฐบาลจีน

         ด้านนายไหล่ นั่งฟังคำพิพากษาด้วยสีหน้าเรียบเฉย หลังจากโบกมือทักทายภริยาและลูกชายในช่วงถูกคุมตัวเข้าไปยังห้องพิจารณาคดี โดยหลังศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จ เขาถอดแว่นตาและเอามือปาดน้ำตา ก่อนถูกนำตัวออกจากห้องพิจารณาคดี ด้านนักวิเคราะห์ ระบุว่า ที่ผ่านมา นายไหล่ให้การปฏิเสธทุกข้อหา เขาถูกกักขังมากว่า 5 ปี(หรือกว่า 1,800 วัน) ส่วนใหญ่ขังเดี่ยว และมีสุขภาพทรุดโทรมจากโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ นอกจากนี้หนังสือพิมพ์ แอปเปิลเดลี่ของเขาวิจารณ์การบริหารของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเรื่อยมามากระทั่งถูกสั่งปิดในปี 2564

#ศาลฮ่องกง

#คดีความมั่นคง

ที่มา: cnn