นายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานการประชุมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลน หลังกรมอุตุนิยมววิทยา ระบุว่าในวันที่ 11–12 ธันวาคม จะได้รับอิทธิพลจากหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ส่งผลให้บางพื้นที่อาจมีฝนตกหนัก แต่จังหวัดสงขลาจะมีฝนอยู่ในระดับปานกลาง โดยเฉพาะบริเวณอำเภอระโนด ส่วนช่วงเฝ้าระวังสำคัญคือวันที่ 14–17 ธันวาคม ซึ่งอาจมีฝนเล็กน้อยถึงปานกลางในพื้นที่อำเภอเทพา สะบ้าย้อย นาทวี และหาดใหญ่ คาดการณ์ปริมาณฝนสะสมราว 50–60 มิลลิเมตร ซึ่งยังสามารถบริหารจัดการได้ ทั้งนี้ สถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้นหลังวันที่ 17–18 ธันวาคม โดยเฉพาะอำเภอหาดใหญ่ที่คาดว่าจะเข้าสู่เขตปลอดภัย
ด้านสถานการณ์น้ำในพื้นที่ยังคงต้องเฝ้าระวังในจุดลุ่มต่ำและพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมขัง รวมถึงผลกระทบจากน้ำทะเลหนุน โดยจังหวัดสงขลาได้ติดตามระดับน้ำในคลองสายหลักอย่างต่อเนื่อง พบว่าระดับน้ำในคลอง ร.1 ลดลงแล้วประมาณ 1.6 เมตร แสดงให้เห็นถึงการระบายน้ำที่ดีขึ้น พร้อมประเมินว่า หากปริมาณฝนที่ตกลงมาไม่เกิน 250 มิลลิเมตร จังหวัดยังสามารถบริหารจัดการน้ำได้
ขณะเดียวกัน อำเภอระโนดรายงานว่า แม้น้ำลดลงต่อเนื่อง แต่พบปัญหาน้ำเน่าเสียจากการท่วมขังเป็นเวลานาน ทำให้อำเภอจัดซื้อหัวเชื้อ EM แจกจ่ายประชาชนโดยด่วน พร้อมให้สำนักงานสาธารณสุขเข้าดูแลด้านสุขอนามัย ส่วนประชาชนที่เคยอพยพได้ทยอยเดินทางกลับสู่ที่พักแล้ว สะท้อนถึงแนวโน้มสถานการณ์ที่ดีขึ้น
สำหรับการเตรียมความพร้อมรับมือน้ำท่วมช่วงวันที่ 11–18 ธันวาคม จังหวัดสงขลาได้กำหนดแผนเผชิญเหตุไว้ชัดเจน โดยจะไม่รอให้ระดับน้ำสูงขึ้นก่อน แต่ให้หน่วยงานดำเนินการอพยพกลุ่มเปราะบางออกจากพื้นที่เสี่ยงทันที พร้อมแบ่งพื้นที่รับมือสถานการณ์ออกเป็น 4 เขตปฏิบัติการ โดยมีหน่วยงานด้านความมั่นคงและพลเรือนรับผิดชอบในแต่ละเขต และกำหนดโครงสร้างการบัญชาการ 2 ระดับ คือ ระดับอำเภอในช่วงสถานการณ์เริ่มต้น และระดับผู้ว่าราชการจังหวัดเมื่อสถานการณ์ทวีความรุนแรง คาดว่าการปรับลดระดับภัยเข้าสู่ระดับ 2 อาจเกิดขึ้นในวันที่ 14 ธันวาคมนี้
นช่วงการฟื้นฟูหลังสถานการณ์น้ำลด จังหวัดสงขลาได้เร่งดำเนินการบริหารจัดการขยะและสิ่งปฏิกูลที่ตกค้างในเขตเมืองหาดใหญ่ เพื่อคืนความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยให้กับพื้นที่ โดยระดมเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลเข้าดำเนินการขนย้ายขยะไปยังจุดพักรอการกำจัด ณ โรงกำจัดขยะเกาะแต้วอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งฟื้นฟูพื้นที่สาธารณะและจุดสำคัญในเขตเมืองให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรในระหว่างวันที่ 22–23 ธันวาคมนี้
ส่วนมาตรการเยียวยา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาได้เน้นย้ำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งเร่งรัดการตรวจสอบและยืนยันข้อมูลผู้ลงทะเบียนรับเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย จำนวน 9,000 บาทต่อครัวเรือน การช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านเรือน ไม่เกิน 49,500 บาท และเงินช่วยเหลือผู้เสียชีวิตรายละ 2,000,000 บาท ให้มีความถูกต้อง ครบถ้วน และดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลาที่
นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดยังได้มอบหมายให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลาเร่งยกระดับมาตรการเฝ้าระวังโรคติดต่อหลังน้ำลด โดยเฉพาะ โรคเลปโตสไปโรซิส (โรคฉี่หนู) ซึ่งมีความเสี่ยงสูงในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน และพบการติดเชื้อเพิ่มขึ้นในกลุ่มประชาชนที่มีการลงน้ำหรือสัมผัสน้ำท่วมโดยตรง โดยล่าสุดจังหวัดสงขลารายงานว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย และผู้ต้องสงสัยติดเชื้ออีก 1 ราย ทำให้ต้องเพิ่มความเข้มข้นในการป้องกัน ทั้งการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ประชาชน การจัดทีมแพทย์ลงพื้นที่ตรวจสุขภาพเชิงรุก การแจกอุปกรณ์ป้องกัน และการดูแลสุขาภิบาลในจุดเสี่ยง เช่น คูคลอง แหล่งน้ำขัง และชุมชนที่ยังมีน้ำท่วมขังในบางส่วน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเพิ่มเติม
ข่าวทั้งหมด