ประชุมสภาสมัยวิสามัญ วันนี้ เดินหน้าแก้รธน.วาระ2-3ไม่แก้ไขมาตรา1และ2

วันนี้, 07:59น.


          วันนี้ 10 ธันวาคม 2568  วันรัฐธรรมนูญ ซึ่งในวันนี้(10-11 ธ.ค.) จะมีการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อ พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวาระที่ 2 ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญยิ่งและยังไม่มีความแน่นอนว่าจะได้รับการเห็นชอบจากทุกฝ่ายหรือไม่ แม้ว่ากระแสความตื่นตัวในการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะลดลง หลังเกิดกระแสข่าวความวุ่นวายของบ้านเมืองจากสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ และเหตุขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาที่กลับมาปะทุอีกรอบ ท่ามกลางเสียงคัดค้านถึงความเหมาะสมที่ฝ่ายการเมืองจะผลักดันในช่วงเวลานี้



          นักวิชาการด้านการเมือง ประเมินว่าทิศทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นไปอย่างราบรื่น เพราะพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่เป็นแกนนำรัฐบาล และพรรคประชาชน (ปชน.) ที่เป็นแกนนำฝ่ายค้านมีความผูกพันตามบันทึกข้อตกลง (Memorandum Of Agreement : MOA) เมื่อครั้งจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย



"ประชาชนจับตาดูอยู่ ทั้งสองพรรคคงทำตาม MOA ไม่มีใครกล้าบิดพลิ้ว เพราะจะส่งผลต่อคะแนนเสียงในการเลือกตั้งใหญ่ที่จะถึง" โดยการลงมติวาระ 3 ที่ต้องอาศัยเสียงของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 1 ใน 3 หรือ 67 เสียง และเสียงของฝ่ายค้าน 20 เสียง ซึ่ง ภท.คุมเสียง สว. ส่วน ปชน.คุมเสียงฝ่ายค้าน



          ส่วนข้อกังวลเรื่องที่จะไปแตะหมวด 1 และหมวด 2 นั้นคงไม่มีปัญหา เพราะทุกพรรคต่างรู้ดีว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน ดังนั้นจึงไม่มีใครที่จะได้เนื้อหาครบถ้วนตามความต้องการทั้งหมด



          ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ) พ.ศ.ซึ่งผ่านการพิจาณาของ กมธ.พิจารณาฯ โดย กมธ.มีการปรับเปลี่ยนเนื้อหาจากร่างรัฐธรรมนูญที่รัฐสภารับหลักการเกือบทุกมาตรา และมีสาระสำคัญ คือ



1.กลไกการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่



-คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่างรัฐธรรมนูญ:



จำนวน 35 คน มาจากการเลือกของสมาชิกรัฐสภา ทำหน้าที่จัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้เสร็จภายใน 360 วัน



คุณสมบัติเข้มงวด: ต้องมีสัญชาติไทย, อายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี, การศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี มีการกำหนดคุณสมบัติเฉพาะสำหรับนักวิชาการ, ราชการ, เจ้าหน้าที่รัฐ และนักการเมือง (ครอบคลุมถึงนายกเมืองพัทยา) เพิ่มเติม เพิ่มคุณสมบัติให้ผู้ประกอบวิชาชีพที่มีกฎหมายรองรับไม่น้อยกว่า 5 ปี และผู้บริหารระดับสูงของบริษัทมหาชนไม่น้อยกว่า 5 ปี สามารถสมัครได้



ใช้กลไก "20 หยิบ 1" ในการเลือก: สมาชิกรัฐสภารวมกลุ่มละ 20 คน เสนอ กมธ. ได้ 1 คน จนครบจำนวน 35 คน



-กมธ. รับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชน:จำนวน 35 คนทำหน้าที่รับฟังและรวบรวมความคิดเห็นของประชาชนอย่างทั่วถึงเพื่อเสนอต่อ กมธ. ร่างรัฐธรรมนูญ



คุณสมบัติ: มีสัญชาติไทยโดยการเกิด, อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี (ลดเกณฑ์จากเดิม 20 ปี)



- การขจัดการมีส่วนได้เสีย: ห้าม กมธ. ร่างรัฐธรรมนูญ และ กมธ. รับฟังความคิดเห็น ดำรงตำแหน่งทางการเมืองภายใน 2 ปี นับจากวันที่พ้นตำแหน่ง



สำหรับการรับสมัครผู้ที่จะมาเข้าคัดเลือกเป็น กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และกมธ.รับฟังความคิดเห็น ใช้กลไกเดียวกันคือ สมัครผ่าน กกต.ด้วยหลักฐานที่กำหนด พร้อมกับวิสัยทัศน์ และรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่สนับสนุนไม่น้อยกว่า 100 คน กำหนดให้ประชาชนมีส่วนตรวจสอบคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครและผู้สนับสนุนด้วย



          ส่วนการเลือก กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และ กมธ.รับฟังความคิดเห็น ซึ่งกำหนดให้รัฐสภาเป็นผู้เลือกนั้น กำหนดเวลาให้รัฐสภาทำให้เสร็จภายใน 60 วัน โดยใช้สูตร 20 หยิบ 1 คือให้สมาชิกรัฐสภารวมกลุ่มๆ ละ 20 คนตามหลักเกณฑ์ที่ประธานรัฐสภากำหนด เพื่อเสนอ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และ กมธ.รับฟังความคิดเห็น ได้กมธ.ละ 1 คน จนครบจำนวน จากนั้นให้ประกาศรายชื่อในราชกิจจานุเบกษา



          ขั้นตอนหลังจากได้ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และ กมธ.รับฟังความคิดเห็นแล้ว กำหนดให้มีการประชุมร่วมกันครั้งแรกภายใน 15 วัน เพื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน และรับฟังความเห็นประชาชน พร้อมกำหนดให้ประชุมร่วมกันอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง และกำหนดระยะเวลาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้เสร็จภายใน 360 วัน ก่อนจะส่งให้รัฐสภาอภิปรายแสดงความเห็น ให้ข้อเสนอแนะ โดยไม่ลงมติ ภายใน 30 วัน จากนั้นให้ส่งคืน กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญเพื่อให้แก้ไขเพิ่มเติมให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน



          ทั้งนี้ยังให้โอกาสขยายเวลาพิจารณาได้ 1 ครั้ง ไม่เกิน 30 วัน จากนั้นส่งกลับให้รัฐสภาลงมติเห็นชอบด้วยเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา ซึ่งวิธีการออกเสียงให้ใช้การขานชื่อและลงคะแนนโดยเปิดเผย แต่หากที่รัฐสภาไม่เห็นชอบ ให้ร่างรัฐธรรรมนูญนั้นตกไป



2. กรอบเนื้อหาสำคัญ 10 ประเด็น กมธ. เสียงข้างมากกำหนดให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องมีเนื้อหาครอบคลุมใน 10 ประเด็นสำคัญ อาทิ:



- รับรองความเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวกันจะแบ่งแยกมิได้



- การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข



- คุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และสวัสดิการขั้นพื้นฐานของประชาชน



- วางหลักให้ประชาชนยึดโยงกับสถาบันการเมือง ประชาชนตรวจสอบถ่วงดุล และมีความเป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์



- วางกลไกตรวจสอบอำนาจรัฐ ขจัดทุจริต ประพฤติมิชอบ



- จำกัดขอบเขตการใช้อำนาจรัฐและดุลยพินิจขององค์กรรัฐ



- สร้างเสริมความเข้มแข็งหลักนิติธรรม



- การบริหารราชการแผ่นดินและนโยบายรัฐที่ยืดหยุ่น



- กระจายอำนาจรัฐให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น



- วางหลักเกณฑ์การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ



          ส่วนเนื้อหาที่ กมธ.เพิ่มเติมคือ ข้อกำหนดให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้นำบทบัญญัติในหมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2 พระมหากษัตริย์ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาบัญญัติไว้โดยไม่ให้แก้ไขด้วย



 

ข่าวทั้งหมด

X