กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยว่า รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯสั่งให้เพิกถอนวีซ่าทุกประเภท รวมทั้งสิ้น 85,000 ฉบับ นับตั้งแต่เดือนม.ค.ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าของปีที่แล้ว(2567) รวมวีซ่านักศึกษาต่างชาติกว่า 8,000 ฉบับ เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายลดจำนวนคนเข้าเมือง และปราบปรามผู้อพยพที่เป็นภัยต่อความมั่นคงและชุมชนอเมริกัน
โดยเฉพาะการทำผิดอาญา เช่น ขับรถขณะเมาสุรา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นและการลักทรัพย์ เป็นสาเหตุหลักๆ คิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของการที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯสั่งเพิกถอนวีซ่า ส่วนเหตุผลอื่นๆ เช่น วีซาหมดอายุและเหตุผลด้านความมั่นคง เช่น การเคลื่อนไหวในทางสนับสนุนการก่อการร้ายคือ เหตุผลส่วนหนึ่งในการเพิกถอนวีซ่าสำหรับชาวต่างชาติ
หลายฝ่ายแสดงความเป็นกังวลเรื่องละเมิดสิทธิ์ที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขครั้งแรก กรณีรัฐบาลทรัมป์สั่งให้เพิกถอนวีซ่าสำหรับนักศึกษาที่ประท้วงในมหาวิทยาสหรัฐฯต่อต้านการที่อิสราเอลทำสงครามกับกลุ่มฮามาสในเขตฉนวนกาซา โดยกล่าวหานักศึกษากลุ่มดังกล่าวว่า ต่อต้านยิวและส่งเสริมฝ่ายผู้ก่อการร้าย(กลุ่มฮามาส)
นอกจากนี้ กระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิของสหรัฐฯยังคงเดินหน้าปราบปรามผู้อพยพและเนรเทศผู้อพยพที่ลักลอบเข้าเมืองกลับประเทศ พร้อมทั้งจะตรวจสอบกรีนการ์ดที่ออกให้กับผู้อพยพจาก 19 ประเทศเช่น อัฟกานิสถาน คิวบา เฮติ อิหร่าน โซมาเลีย และเวเนซุเอลา หลังเหตุผู้อพยพชาวอัฟกันยิงทหารเสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บ 1 นายขณะลาดตระเวนในกรุงวอชิงตันดี.ซี.เมื่อวันที่ 26 พ.ย.
#รัฐบาลทรัมป์
#คุมเข้มนโยบายคนเข้าเมือง
ที่มา: cnn
ข่าวทั้งหมด