นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ หรือ ครม.เศรษฐกิจ มีมติเห็นชอบมาตรการ 'เสาหลักที่ 5' ภายใต้นโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล ทั้งการจัดทำบัญชีการออมส่วนบุคคล หรือ (Thailand Individual Saving Account : TISA)
เพื่อมุ่งเน้นการส่งเสริมการออมและการลงทุนระยะยาวที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่ารูปแบบการลดหย่อนภาษีแบบเดิม เช่น RMF, PVD เพื่อยกระดับระบบการออมของประเทศ รองรับโครงสร้างประชากรที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า พร้อมปรับโครงสร้างแรงจูงใจด้านภาษีครั้งใหญ่ ทั้งเพิ่มเพดานลดหย่อนการออมและยกเว้นภาษีเพื่อดึงเงินออมเข้าสู่ตลาดทุนมากขึ้น โดยแบ่งเป็นมาตรการดังนี้
1.จะเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษี เป็น 800,000 บาท และกำหนดให้เป็นมาตรการถาวรไม่ต้องต่ออายุรายปีไม่ต้องมาขอปีต่อปี ให้มีคนที่มีเงินได้ไม่เกิน 1.5 ล้านบาท สามารถลดหย่อนภาษี 1.3 เท่า ดังนั้นประชาชน 11.7 ล้านคน ที่อยู่ในระบบภาษี จะได้ประโยชน์จากส่วนนี้ เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้มีการระดมทุนสู่ตลาดมากขึ้น ยิงนกครั้งเดียวได้นกหลายตัว พร้อมยกเว้นภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย สำหรับเงินลงทุน 200,000 บาทแรก แต่ต้องถือครองสินทรัพย์เกิน 5 ปี
2.โครงการ 'ออม Plus' เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการลงทุนที่มั่นคงผ่านพันธบัตรรัฐบาล ราคาขั้นต่ำ 1,000 บาท ตามราคาตลาด โครงการนี้จะช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยหรือปานกลางสามารถเริ่มออมได้ง่ายขึ้น
3.ประกันรายย่อย เช่น วินาศภัย ประกันชีวิต ได้มีการยกเว้นอากร เพื่อให้คนกล้าซื้อประกันความเสี่ยงมากขึ้น
ส่วนมาตรการคนละครึ่งพลัส เฟส 2 และโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจน ยังไม่ได้หารือในการประชุม ครม.เศรษฐกิจวันนี้
#ประชุมครมเศรษฐกิจ
#มาตรการกระตุ้นการออม