สถานการณ์การปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2568 เมื่อเวลา 13:00น. F-16 ทิ้งไข่อีกรอบ ที่ฐานตั้งของฝ่ายทหารเขมรในพื้นที่ช่องอานม้า
กองกำลังบูรพา รายงานว่า ฝ่ายกัมพูชาพร้อมรบสูงสุดตามแนวชายแดนสระแก้ว เฝ้าตรวจพบกำลังพล–ยุทโธปกรณ์เข้าที่มั่น ตลอด 24 ชม. รวมถึงยานพาหนะฝ่าย กพช. เคลื่อนไหวตลอดทั้งกลางวัน–กลางคืน รวมทั้งตรวจพบการประเมินความเคลื่อนไหวของฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด
แม่ทัพภาคที่ 1 ได้สั่งการให้ กกล.บูรพา เตรียมความพร้อมทุกมิติ พร้อมตอบโต้ขั้นสูง
ก่อนหน้านี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ต่อสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา โดยระบุว่า รัฐบาลติดตามเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค. อย่างใกล้ชิด และสั่งการหน่วยงานด้านความมั่นคงบูรณาการการทำงานอย่างเต็มสรรพกำลัง เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชน และปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างเคร่งครัด วันนี้ได้มีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยมีมติยืนยันว่ารัฐบาลจะดำเนินการตามมติสภาความมั่นคงแห่งชาติ คือ จะมีปฏิบัติการทางทหารในทุกกรณีตามเงื่อนไขของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และให้มีการปฏิบัติการทางทหารในเรื่องอื่น ๆ ที่มีความจำเป็น
รัฐบาลขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของกำลังพลที่เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ ทุกนายคือ “วีรบุรุษของชาติ” พร้อมส่งกำลังใจให้ประชาชนที่ต้องอพยพไปอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว โดยได้สั่งการทุกหน่วยงานดูแลความเป็นอยู่และความปลอดภัยอย่างเต็มความสามารถ พร้อมขอประชาชนติดตามข่าวสารจากช่องทางราชการเท่านั้น โดยมอบหมายกระทรวงกลาโหมและกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้สื่อสารข้อมูลหลัก เพื่อให้ข้อมูลมีความถูกต้อง ชัดเจน และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
รัฐบาลยืนยันว่า ประเทศไทยไม่ได้เป็นฝ่ายริเริ่มหรือรุกราน แต่จะไม่ยอมให้มีการล่วงละเมิดอธิปไตย และจะดำเนินการอย่างมีเหตุมีผล รอบคอบ และยึดหลักสันติภาพ ความมั่นคง และมนุษยธรรมเป็นสำคัญ ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในรัฐบาลและกองทัพไทย และร่วมกันให้กำลังใจ สนับสนุนการปฏิบัติการทางทหารในครั้งนี้
#ไทยกัมพูชา
ข่าวทั้งหมด