หลังมีการแชร์ภาพนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถ่ายรูปร่วมเฟรมกับนายเบน สมิธ ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีมติยึดและอายัดทรัพย์สินกว่า 9 พันล้านบาท
ล่าสุด เมื่อเวลา10.43 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ยอมรับเคยพบ "เบน สมิธ" ตามงานต่างๆ 5-6 ครั้ง ส่วนการออกหมายจับหรือไม่ อยู่ที่ตำรวจว่า หลักฐานไปถึงไหม หันถามกลับสื่อ "คุณรู้จักผมน้อยไป"
มีรายงานว่าภาพดังกล่าวถ่ายเมื่อปี 2557 ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งคาดว่าเป็นภาพที่ถูกเผยแพร่จากเครือข่าย เบน สมิธ เพื่อหวังทำลายดิสเครดิตรัฐบาล จนทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์และเรียกร้องให้นายอนุทิน และนายเอกนิติ ออกมาชี้แจง
ขณะที่ล่าสุด เพจ Thailand FACT Today ได้โพสต์ภาพเทียบให้เห็นทรงผม–เสื้อผ้า ของนายอนุทินว่าเป็นภาพเก่าแบบเก่าจัด จนแทบจะเป็นซากดิจิทัล เหมือนยุคที่นายอนุทินขึ้นปก Forbes Thailand ปี 2558 หรือเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ที่นายอนุทิน ยังเป็นวุ้นทางการเมือง จึงมองว่าเป็นได้แค่ข่าวบันเทิง และตั้งข้อสังเกตว่าการปล่อยภาพนายเบน สมิธ ยืนคู่กับนายอนุทิน ออกมาในห้วงเวลานี้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน แต่คือเจตนาทางการเมือง 100% และภาพนี้อาจจะเป็นช่วงเวลา ที่ยังถูกแบนทางการเมือง จากการเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ในช่วงปี 2556–2558
นอกจากนี้นายเบน สมิธ เมื่อ10 ปีก่อน ยังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่าย ที่ปปง. เพิ่งยึดทรัพย์ 9,279 ล้านบาทในวันนี้ ยิ่งกว่านั้น 10 ปีที่แล้ว ไม่มีกระทั่งแก๊งสแกมเมอร์ด้วยซ้ำ และสำคัญที่สุดคือนายอนุทินในรูปนั้น ก็ไม่ใช่นายอนุทินในวันนี้เพราะนายอนุทินวันนี้ คือ นายกรัฐมนตรี ที่มีรัฐบาลซึ่งเป็นยุคเดียวกันกับที่ เครือข่ายของเบน สมิธ – เฉิน จื้อ – ก๊ก อาน ถูกยึด–อายัดทรัพย์รวมมากกว่า หมื่นล้านบาท ตามข่าว ปปง. ที่เพิ่งแถลงไป รูปเก่าคือสิ่งที่ เคยเกิดขึ้น แต่มาตรการยึดทรัพย์สแกมเมอร์ระดับหมื่นล้านคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจริง รูปถ่ายบอกได้แค่ว่า เคยยืนด้วยกัน แต่ไม่เคยบอกว่า ทำงานร่วมกัน หรือ รู้จักกันลึกซึ้งแค่ไหน ยิ่งเป็นรูปเก่าเป็นสิบปี ยิ่งบอกอะไรไม่ได้เลยสิ่งที่บอกได้แน่ชัด คือ ปัจจุบันและปัจจุบันคือ นายเบน สมิธ ไม่ได้สัญชาติไทยแล้ว และเครือข่ายของเขากำลังถูกตามรื้อ–ยึด–อายัด แบบไม่ไว้หน้าใคร นี่ต่างหากคือเรื่องจริง ไม่ใช่รูปเก่าในไทม์ไลน์ที่ถูกดันขึ้นมาเพื่อเบี่ยงเบนประเด็น สู้ด้วยข้อเท็จจริง ไม่ใช่สู้ด้วยภาพเก่า ๆ ที่หมดอายุไปแล้วนานมาก การปล่อยภาพนี้ออกมาเป็นข่าวแน่นอน แต่ที่สุดแล้วก็เป็นได้แค่ข่าวบันเทิงที่ไม่มีสาระอะไรเลย
ข่าวทั้งหมด